10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
อยากฉีดฟิลเลอร์(filler)ใต้ตา แต่ยังกังวลว่าฉีดแล้วจะเป็นอันตรายหรือเปล่า? บทความนี้จะมาตอบ 10 ข้อสงสัยยอดฮิตเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตั้งแต่เรื่องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอันตรายจริงไหม, ฉีดแล้วจะเป็นก้อนหรือเปล่า, ต้องฉีดกี่ CC, ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วกี่วันถึงจะเห็นผลและอยู่ได้นานแค่ไหน, ถ้าฉีดแล้วไม่ชอบจะทำยังไงดี, ข้อดี-ข้อเสีย, วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดเพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น และตอบคำถามยอดฮิตมากๆ อย่างคนที่ใต้ตาคล้ำเพราะเป็นภูมิแพ้ กับคนที่มีถุงใต้ตา สามารถฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อแก้ปัญหาได้ไหม บทความนี้มีคำตอบหมดค่ะ เลื่อนลงไปอ่านได้เลย!
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์(filler)ใต้ตา คือ การฉีดสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปเติมเต็มและแก้ปัญหาผิวบริเวณใต้ตา ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้ดีที่สุด และยังเป็นวิธีที่ทำแล้วจะไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้นหลายวัน และเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ โดยจะช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ช่วยเติมเต็มผิวหนังที่ยุบให้กลับมากระชับเต่งตึงอีกครั้ง ช่วยลดความหมองคล้ำใต้ตา บอกลาปัญหาตาคล้ำเป็นหมีแพนด้า ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส หน้าดูเด็กลง นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติอุ้มน้ำและช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดี จึงช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นเป็นของแถมด้วย
ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง
-
คนที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นใต้ตา และริ้วรอยรอบๆ ดวงตา
-
คนที่มีปัญหาเบ้าตาลึก ตาโหล ตาดำ จากการยุบตัวของกระดูกใต้ตา
-
คนที่มีปัญหาขอบตาดำ มีรอยคล้ำใต้ตา จนส่งผลให้หน้าดูไม่สดใส
-
คนที่มีปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อนคล้อย และไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม
-
คนที่ชั้นไขมันบริเวณดวงตาหายไป
-
คนที่มีปัญหาใต้ตาจากลักษณะทางพันธุกรรม
-
คนที่ต้องการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาแบบเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม
หลายคนอาจสงสัยว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะทำให้ตาบอดไหม คำตอบคือมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่มักจะเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ (filler) ปลอม ใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่าน อย. หรือฉีดกับหมอเถื่อน หมอกระเป๋าที่ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ก็อาจทำให้ฉีดผิดพลาดเข้าหลอดเลือดจนทำให้เกิดการอุดตันและทำให้ตาบอดได้ หรืออาจจะหมอที่ขาดความชำนาญในการใช้ฟิลเลอร์(filler)แต่เราสามารถลดความเสี่ยงเหล่านี้ด้วยการเลือกฉีดกับคลินิกที่มีมาตรฐาน มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา(filler)และเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ผ่าน อย. แล้วเท่านั้นก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอันตรายลดปัจจัยเสี่ยงหรือผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นได้ค่ะการฉีดฟิลเลอร์ถือเป็นวิธีแก้ปัญหาผิวที่มีความปลอดภัยสูงมากและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะสารที่ใช้ฉีดเลียนแบบมาจากสารที่มีตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ ฉีดแล้วจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น ช่วยเติมเต็มให้ผิวดูแน่นฟูกระชับมากขึ้น และฟิลเลอร์จะสลายออกจากร่างกายเราได้เอง ทำให้ไม่เหลือสารตกค้างให้ต้องกังวล
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร
การฉีดฟิลเลอร์(filler)ใต้ตาแล้วออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือฉีดแล้วเป็นก้อน มักเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
-
ฉีดฟิลเลอร์ปลอม
เมื่อใช้ฟิลเลอร์(filler)ที่ไม่ผ่าน อย. หรือฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐาน ในช่วงแรกที่ฉีดอาจเห็นผลว่าสวยดี แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 1 ปี ฟิลเลอร์จะไม่สลายหายไปเองเหมือนฟิลเลอร์แท้ ทำให้เป็นก้อนหรือไหลห้อยย้อยลงมาได้ หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมแล้วเป็นก้อนจะไม่สามารถฉีดสลายออกได้ จะต้องแก้ไขด้วยการขูดออกหรือผ่าตัดเท่านั้น
-
แพทย์ที่ฉีดไม่เชี่ยวชาญมากพอ
ผิวรอบดวงตาถือเป็นบริเวณที่เซนซิทีฟมากเพราะมีเส้นเลือดเยอะ หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ หรือไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ เช่น ฉีดเยอะเกินไปก็อาจทำให้ฉีดแล้วออกมาเป็นก้อนได้ หรือวางฟิลเลอร์ผิดชั้นผิวก็ทำให้ออกมาเป็นก้อนได้เช่นกัน แต่ถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้จะสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหานี้ได้
-
เลือกใช้ชนิดของฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม
ฟิลเลอร์(filler)แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ก็จะมีความแตกต่างกัน เช่น รุ่นนี้เนื้อละเอียดกว่า รุ่นนี้น้ำหนักโมเลกุลมากกว่า ซึ่งแพทย์จะต้องทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการรักษาก่อน เพื่อจะได้เลือกใช้ฟิลเลอร์(filler)ให้เหมาะกับผิวและปัญหาของคนไข้ หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมก็จะทำให้ฉีดออกมาแล้วเป็นก้อนได้ แต่ถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้ก็จะสามารถฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อแก้ปัญหาได้
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้กี่ CC
ปริมาณฟิลเลอร์(filler)ที่มักใช้ในการฉีดใต้ตาคือ 1-2 CC แต่ปกติแล้วแพทย์จะต้องทำการประเมินก่อนเสมอ เพราะแต่ละคนก็จะมีปัญหาใต้ตาที่แตกต่างกัน และอาจใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่เท่ากัน เช่น คนที่มีร่องใต้ตาไม่ลึกมากก็จะฉีดข้างละ 1 CC แต่ในคนที่มีใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา ก็จะใช้ปริมาณ 1-2 CC ส่วนคนที่มีปัญหาใต้ตาลึกหรือกระดูกยุบตัวลง ก็จะใช้ปริมาณ 2-4 CC ดังนั้นก่อนจะทำการฉีดจึงต้องให้แพทย์ประเมินและให้คำแนะนำทุกครั้ง รวมถึงควรเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อจะได้ลดผลข้างเคียงต่างๆ
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันถึงจะเห็นผล
โดยปกติแล้วหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาก็จะเริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทันที แต่หลังฉีดอาจมีอาการบวมที่ใต้ตาเล็กน้อย ซึ่งอาการจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 2-3 วัน และฟิลเลอร์จะเริ่มยุบเข้าที่ 70-80% ภายใน 4-5 วัน โดยจะเข้าที่แบบ 100% ภายใน 14 วัน ซึ่งก็จะเห็นถึงผลลัพธ์ว่าผิวบริเวณใต้ตามีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน โดยจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ด้วย หากดูแลตัวเองดี เลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว อย่างการตากแดดบ่อย ชอบทำกิจกรรมที่เจอกับความร้อน หรือชอบเลเซอร์หน้าเป็นประจำ ก็จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
-
ถ้าฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วไม่ชอบ สามารถสลายได้ไหม
หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วรู้สึกไม่ชอบ หรือฉีดออกมาแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติตามที่ต้องการ ก็สามารถใช้สาร Hyaluronidase ฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ได้ เพราะเป็นสารที่มีคุณสมบัติย่อยสลายไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) ได้ แต่ฟิลเลอร์นั้นต้องเป็นของแท้จึงจะสามารถใช้สาร Hyaluronidase ฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้แบบ 100%
-
ข้อดี-ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
-
ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาได้หลากหลาย และเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
-
ช่วยเติมเต็มให้ผิวใต้ดวงตากลับมาดูเต็ม สดใส อ่อนเยาว์มากขึ้น
-
ช่วยแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ แก้ปัญหาร่องลึกใต้ดวงตาให้ดีขึ้น
-
ช่วยทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น หมดปัญหาใต้ตาคล้ำโทรมจนดูแก่กว่าวัย
-
ช่วยทำให้ผิวรอบดวงตาดูเรียบเนียน ริ้วรอยดูลดน้อยลง
-
เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ดูดีขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน
-
การฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยกักเก็บน้ำใต้ผิวได้ดี ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีขึ้น
-
เป็นวิธีที่ปลอดภัย เพราะฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
-
การฉีดฟิลเลอร์จะไม่สามารถอยู่ได้ถาวร โดยจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน จึงต้องกลับมาฉีดซ้ำ
-
สำหรับคนที่อายุเยอะ หรือมีสภาพผิวที่หย่อนคล้อยมาก ฟิลเลอร์อาจสลายได้ง่าย จึงทำให้ต้องกลับมาฉีดซ้ำ
-
ฟิลเลอร์จะสลายเร็วขึ้นเมื่อเจอความร้อน หรือต้องทำกิจกรรมที่สัมผัสความร้อนบ่อยๆ เช่น ออกกำลังกาย อบซาวน่า ทำเลเซอร์
-
อาจมีความเสี่ยงเรื่องฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญหรือไม่มีประสบการณ์ แต่ถ้าใช้ฟิลเลอร์แท้จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการฉีดยาสลายฟิลเลอร์
-
ผิวใต้ดวงตานั้นบอบบางมาก หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับหมอเถื่อน หมอกระเป๋า หรือแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ก็อาจทำให้ตอนฉีดปลายเข็มไปสะกิดถูกเส้นเลือดบริเวณใต้ตาจนทำให้เกิดรอยเขียวช้ำหลังฉีดได้ จึงควรเลือกใช้บริการคลินิกที่มีมาตรฐาน มีแพทย์ที่ชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
-
วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
-
งดการนวดคลึงบริเวณรอบดวงตาแรงๆ หลังฉีดฟิลเลอร์
-
งดนอนราบหลังฉีดฟิลเลอร์ 3-4 ชั่วโมง
-
งดแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงผิว หลังฉีดฟิลเลอร์ 12 ชั่วโมง
-
สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยลดอาการบวมได้ดี
-
ไม่ควรจับหรือเกาบริเวณใต้ตา เพราะตัวยาอาจเคลื่อนไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ต้องการได้
-
หลีกเลี่ยงการทำทรีทเมนต์บริเวณใบหน้า และงดทำเลเซอร์ร้อน อย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนที่บริเวณใต้ตา เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
-
ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วขึ้น
-
รับประทานยาตามที่แพทย์จ่ายให้ หลังฉีดอาจมีอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีดได้ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
-
ควรดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อยวันละ 1-2 ลิตร เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ห้ฟิลเลอร์จะเซ็ตตัวเร็วและอยู่ได้นานขึ้น
-
ภายใน 48 ชั่วโมงหลังฉีด ไม่ควรออกกำลังกายหรือตากแดด และงดทำกิจกรรมที่ต้องใช้ความร้อน เช่น อบซาวน่า ทานอาหารที่ทำให้เหงื่อออก ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์สลายได้เร็วขึ้น
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องตาคล้ำจากภูมิแพ้ได้ไหม
ถึงแม้จะพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่โรคภูมิแพ้ก็ทำให้ผู้ป่วยมีขอบตาคล้ำได้ เพราะน้ำมูกที่ไหลเป็นประจำไปขัดขวางการไหลเวียนของหลอดเลือดดำ ส่งผลให้จมูกบวม และทำให้ใต้ตาดำคล้ำนั่นเอง นอกจากนี้การสั่งน้ำมูกหรือขยี้ตาบ่อยๆ ก็ทำให้ขอบตาคล้ำและมีริ้วรอยมากขึ้นด้วย
การฉีดฟิลเลอร์จึงถือเป็นช้อยส์ที่ดีสำหรับคนที่อยากแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำจากภูมิแพ้ เพราะฟิลเลอร์สามารถปกปิดความคล้ำและเส้นเลือดใต้ตาได้ดี เมื่อฉีดแล้วจะช่วยให้รอยคล้ำใต้ตาจางหายไป และจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้าดูสดใส หน้าดูเด็กลง แถมไม่ต้องพักฟื้นหรือผ่าตัดให้เจ็บด้วย
-
มีถุงใต้ตาฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม
ปัญหาถุงใต้ตานั้นพบได้ตั้งแต่ในคนอายุน้อยไปจนถึงอายุมาก ใครที่มีปัญหาถุงใต้ตาจนรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองสามารถรักษาได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา โดยจะใช้วิธีฉีดเพื่อดันไขมันบริเวณใต้ตากลับลงไป หรือฉีดเพื่อแต่งบริเวณใต้ตาให้ดูเรียบเนียนขึ้น ซึ่งจะต้องใช้แพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีความรู้เกี่ยวกับลักษณะถุงใต้ตาที่ดี และควรเลือกใช้ชนิดฟิลเลอร์ให้เหมาะสม ก็จะให้ผลลัพธ์ออกมาดี และมีผลข้างเคียงน้อย
สำหรับคนที่มีปัญหาถุงใต้ตาเยอะ มีลักษณะนูน และผิวบริเวณถุงใต้ตาหย่อนคล้อยมาก ควรพบแพทย์เพื่อประเมินแนวทางการรักษาก่อนจะดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีและเป็นไปตามที่ต้องการค่ะ
ขอสรุปว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาได้หลากหลาย ตั้งแต่ปัญหาขอบตาดำ ใต้ตาคล้ำจากภูมิแพ้ ช่วยลดถุงใต้ตาได้ ช่วยลดเลือนริ้วรอยใต้ดวงตา ช่วยเติมเต็มผิวรอบดวงตาให้กลับมาดูเต่งตึงสดใสอีกครั้ง โดยจะห็นถึงผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันทีหลังฉีด ส่วนใครที่กังวลว่าจะเป็นอันตรายหรือเปล่า ก็ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น และฉีดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอันตราย และลดปัญหาฉีดแล้วเป็นก้อนได้ ก่อนที่จะฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
คลิกดูคลิปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตาเพิ่มเติม
คลิกอ่านเกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกยี่ห้อไหนดี ? https://bit.ly/3i39sjD
-
ฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีสุด ปี2022 ผ่านอยไทย https://bit.ly/2Xk8mGg
-
เช็คก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี https://bit.ly/3c1T4v8
-
อีโวร์ ฟิลเลอร์ (YVOIRE Filler) ฟิลเลอร์น้องใหม่คุณภาพดีจากเกาหลี https://zhort.link/Laq
-
E.P.T.Q Filler ฟิลเลอร์น้องใหม่สุดปังจากเกาหลี https://dlink.me/adk3o
ฝากกดติดตามสาระดีๆเกี่ยวกับความงาม
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
สนใจสอบถามปรึกษาแพทย์/นัดคิว
จองคิวที่📲 call center 085-919-2768
-
สาขารัชดา (MRTรัชดาภิเษก) โทร 094-559-8748
-
สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
-
สาขาเพชรเกษม 69 (victoria garden) โทร 095-058-3666
-
สาขารังสิต (ตรงข้ามฟิวเจอร์พาร์ค) โทร 094-696-5322
-
สาขา สุขุมวิท39 (ตึก Bio House) โทร 093-241-4969
-
สาขา ราชพฤกษ์ (The Walk ) โทร 081-444-6395
-
สาขา วัชรพล (the platinum place) โทร 098-154-4454
Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]