การร้อยไหม คือ การยกกระชับและฟื้นฟูผิวโดยการ ร้อยไหมละลาย เทคนิคเกาหลีแท้ ซึ่งเป็นไหมละลายที่มีความปลอดภัยสูง นำเข้าจากเกาหลี ไหมละลายชนิดนี้แต่เดิมใช้ในการเย็บเนื้อเยื่อเกี่ยวพันหรือเส้นเลือดในร่างกาย จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดออกภายใน 6 เดือน
ซึ่งบริเวณที่ร้อยไหมจะเกิดการกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมาพันรอบแนวเส้นไหม
ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการตึงรั้งผิว ผิวจึงเต่งตึง กระชับ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นเมตาบอลิซึ่มได้ดีอีกด้วย จึงทำให้เลือดสามารถไหลเวียนไปยังบริเวณดังกล่าวได้ดี การใช้ไหมละลายจึงเป็นการฟื้นฟูสภาพผิวพร้อมยกกระชับไปในตัว
หลังการร้อยไหมละลายคนไข้จะรู้สึกความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทันที และจะเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้นภายใน 1-3 เดือน แต่จะเห็นผลชัดเจนที่สุดเมื่อถึง 6 เดือนและอาจอยู่ได้นาน 1-1.6 ปี ขึ้นกับการดูแลรักษาของคนไข้ผู้ได้รับการร้อยไหม เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดูแลเอาใจใส่เรื่องการทานอาหาร การงดสูบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และที่สำคัญที่สุดคือการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
Q การร้อยไหมมีกี่ประเภท กี่แบบ?
A: ตอบ 3 ประเภท คือ ..
1. ไหม APTOS THREADS หรือ FEATHER-LIFT เป็นไหมประเภทไม่ละลาย ลักษณะไหมจะมีลักษณะเป็นก้างปลา ส่วนที่เป็นก้างปลาจะยึดเกาะกับผิวหนัง
ข้อเสีย คือ เมื่อระยะเวลานานไป ตัวก้างปลาที่ยึดเกี่ยวกับเนื้อเยื่ออาจหลุดออก หรือ ก้างปลาหัก ทำให้ผิวหนังหนังกลับมาหย่อนคล้อย และในบางกรณีอาจมีไหมโผล่ออกมาจากผิว
ซึ่งจะต้องไปทำการผ่าตัดเพื่อเอาออก ผลจากการร้อยไหมประเภทนี้จะอยู่ได้ไม่นานนัก วิธีนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมแล้วในปัจจุบัน
2. GOLD THREAD หรือ ที่เรียกกันว่า “ไหมทอง” คือ การร้อยด้วยไหมที่ทำมาจากทองบริสุทธิ์ 99.99% ไหมมีขนาดประมาณเท่าเส้นผม
ข้อจำกัดของวิธีนี้ คือ หลังร้อยไหมต้องเลี่ยงการทำเลเซอร์ เพราะการทำเลเซอร์อาจส่งผลให้ไหมขาดได้ และไม่เหมาะสำหรับผู้แพ้โลหะ เพราะถ้าหากแพ้จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
และหากเทียบกับวิธีอื่นไหมทองจะมีราคาค่อนข้างสูงกว่า และสุดท้ายคือไหมทองจะสลายตัวช้ามากคือสามารถอยู่ได้นานถึง 8 – 15 ปี ดังนั้นหากใครกลัวเรื่องของสารตกค้างควรเลือกวิธีอื่น
3. ไหม PDO หรือ ไหมละลาย ตัวนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง ไม่มีผลค้างเคียงและภาวะแทรกซ้อน ถูกพัฒนาขึ้นในประเทศเกาหลี ไหมประเภทนี้ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย
ร้อยไหมละลาย หรือ ไหม PDO ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์อย่างกว้างขวาง และยังได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะมีความปลอดภัยสูง ข้อดีของไหมละลาย หรือไหม PDO
ก็คือการร้อยไหมจะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เมื่อกระตุ้นแล้วก็จะส่งผลให้ผิวกระชับ เต่งตึง และยังช่วยให้ผิวพรรณของเราดูสดใสเปล่งปลั่ง กระจ่างใส เห็นผลได้ใน 14 วัน ส่วนไหมที่เราร้อยเข้าไปนั้นจะละลายไปภายใน 6 เดือน และผลลัพธ์จากการร้อยไหมจะคงอยู่ได้นานถึง 2 ถึง 3 ปี
Q ร้อยไหมเจ็บไหม ?
A : เป็นคำถามที่พบบ่อยเพราะหลาย ๆ คนมักจะกลัวเจ็บและไม่กล้าผ่าตัดจึงเลือกร้อยไหมเพื่อยกกระชับใบหน้าแทน ซึ่งแท้จริงแล้วการร้อยไหมไม่เจ็บอย่างที่คิด ไม่ใช่การผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรมอีกด้วย และเจ็บน้อยมาก
Q การร้อยไหมเหมาะกับใคร ?
A : จริง ๆ แล้วไม่มีข้อกำหนดสำหรับผู้ที่ต้องการทำ สามารถทำได้ทุกคน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และทุกช่วงอายุ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึงหรือต้องการปรับรูปหน้า V SHAPE สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการร้อยไหม ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดการยกกระชับหน้าด้วยการร้อยไหมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจกว่าวิธีอื่น
Q การดูแลหลังร้อยไหม ยากหรือไม่ ?
A : ในการร้อยไหมเพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เฉพาะทางที่ความเชี่ยวชาญ และหลังร้อยไหมแล้วควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
• 2 วันแรกหลังร้อยไหม ควรประคบเย็น
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• พยายามหลีกเลี่ยงความร้อน เพื่อให้ใบหน้ากระชับเข้ารูป
• แพทย์จะให้รับประทานยาแก้อักเสบ ควรปฏิบัติตามที่แพทย์แจ้งอย่างเคร่งครัด
• หลังร้อยไหมอาจมีอาการแทรกซ้อนอย่างเช่น มีอาการบวม มีรอยฟกช้ำ แต่อาการเหล่านี้จะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์
Q ร้อยไหมหน้าเรียว มีผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง ?
-
อาจจะมีอาการเขียว หรือบวมช้ำ ประมาณ 3-10 วันแล้วแต่บุคคล
-
อาจจะมีการจับคลำเจอเส้นไหมได้ในช่วงแรก
-
หากคุณหมอร้อยไหมตื้น อาจจะทำให้เกิดเป็นรอยไหมนูนจากผิวได้
-
อาจจะมีการติดเชื้อ หากทำในสถานที่ไม่สะอาดพอ หรือขาดการทานยาป้องกัน
-
อาจจะมีการเจ็บ หรืออาการที่เรียกว่า เสียวไหมในช่วงแรก
-
การเคี้ยวหรือทานอาหารลำบากในช่วงแรก
Q ไหม PDO เรียบ กับ ไหมก้างปลาต่างกันอย่างไร ?
A : ไหม PDO เรียบเส้นเล็ก ลักษณะไหมจะเป็นเส้นตรง ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเราแน่นกระชับขึ้น ผิวหน้าดูใสขึ้น กรอบหน้าดูชัดเจน หน้าดูเรียวสวยได้รูปมากขึ้น
เป็นไหมตัวแรก ๆ ที่เริ่มใช้ตอนร้อยไหม เน้นเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจนผิวกระชับมากกว่า หากจะมาร้อยเพื่อยกใบหน้านั้นจะต้องใช้ไหมมากพอสมควรในการสานผิว และจะร้อยชั้นผิว DERMIS เพื่อหวังผลเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน
ไหมก้างปลา อยู่ในกลุ่มของไหม PDO เช่นกัน แต่จะมีลักษณะไหมจะเป็นเส้นตรงแต่จะมีเงี่ยงออกมาตามแนวเส้นไหมคล้ายก้างปลา ซึ่งส่วนของเงี่ยงจะช่วยในการเกี่ยว SKIN ใต้ผิว
ให้ยกขึ้นตามแนวดึงขึ้นของไหม และ ผิวจะยกกระชับตึงจากด้านล่างของชั้นผิว ทำให้แก้มยกกระชับขึ้น หน้าเรียวขึ้น ผิวกระชับไม่ฟูไม่หย่อนคล้อย โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
ผลลัพธ์ในระยะยาวอาจดีกว่าการศัลยกรรมดึงหน้า เพราะการผ่าตัดดึงหน้านั้น จะต้องตัดผิวที่ยืดยาวหย่อนออก เมื่อผิวสั้นลงผิวหนังจะถูกเย็บจนตึงเหมือนขึงสะดึง ใบหน้าหลังผ่าตัดดึงหน้า จึงตึงเหมือนใส่หน้ากาก ปราศจากความยืดหยุ่น และเมื่อเวลาผ่านไป 3 -5 ปี
ผิวก็จะยืดและบางลงไปอีก อาจทำให้ผิวเหี่ยวย่นง่าย และจะบางลงไปเรื่อย ๆ และในบางเคสอาจมีปัญหาเรื่องตาปลิ้น ฯลฯ ดังนั้นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่าคือ การร้อยไหมเพื่อทำให้ผิวเต่งตึงขึ้น
Q ร้อยไหมใช้ไหมแบบไหนดี,กี่เส้นดี หน้าถึงตึงจะยกกระชับเรียวขึ้น ?
A: การร้อยไหมใช้ไหมแบบไหนหรือกี่เส้นนั้น ต้องรับการประเมินจากแพทย์เป็นรายบุคคล เนื่องจากปัญหา หรือความหย่อนคล้อยของใบหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน
การประเมินจากแพทย์ด้วยตัวเองจึงเหมาะสมที่สุด แต่เบื้องต้นในการใช้นั้น ไหมเงี่ยงหรือไหมก้างปลา 4-12 เส้น หรือไหม pdo ไหมคอลลาเจนนั้น อาจจะต้องใช้ 20-100 เส้นเลยทีเดียว หรืออาจจะต้องใช้ร่วมกัน
Q การร้อยไหมไม่หมาะกับใครบ้าง ?
A :แพทย์จะสอบถามประวัติสุขภาพและตรวจดูว่ามีโรคหรือภาวะที่ไม่แนะนำให้เข้ารับการร้อยไหม
1. โรคแพ้ภูมิตัวเอง
2. ไวรัสตับอักเสบ บี ไวรัสตับอักเสบ ซี
3. ติดเชื้อเอชไอวี
4. หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
5. กำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด มีภาวะติดเชื้อ
Q ร้อยไหมสามารถลดแก้มลดเหนียง ได้จริงหรือไม่ ?
A : การร้อยไหมไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหมแบบก้างปลา หรือเงี่ยง หรือไหม PDO เรียบเส้นเล็กนั้น ไม่สามารถลดแก้ม หรือไขมันที่แก้มได้ค่ะ แต่หลายๆคนที่ทำหรือคนที่มีแก้มหลังจากร้อยไหม รู้สึกแก้มลดลง จริงๆแล้วการร้อยไหมเมื่อผิวยกขึ้นจะทำให้ดูหน้าเล็กลง หลายคนเลยเข้าใจว่าร้อยไหมลดแก้มได้ สรุปไม่สามารถลดแก้มได้นะคะ
Q ร้อยไหมก้างปลา ยกร่องแก้มได้จริงหรือไม่ ?
A : จริง ๆ แล้วการร้อยไหมก้างปลานั้น จะช่วยในเรื่องการยกกระชับอยู่แล้ว และเหมาะมากกับคนที่มีปัญหาการหย่อนคล้อย บริเวณแก้มที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น
และสิ่งที่ตามมา คือ ปัญหาร่องแก้มนั่นเอง เชื่อว่าสาว ๆ หลาย ๆ คนไม่ชอบแน่นอน และเป็นปัญหาที่แก้ยาก หากใช้แค่ครีมบำรุงผิวอย่างเดียวเชื่อว่าเอาไม่อยู่แน่นอน
ทางเลือกสำหรับคนมีปัญหาร่องแก้มที่อยากดีขึ้น การร้อยไหมก้างปลาอาจจะเป็นตัวช่วยคุณสาว ๆ ได้ แค่บางส่วนเท่านั้น แต่จะไม่หายหมดหรือเนียนเหมือนกับการฉีด FILLER แต่การร้อยไหมก้างปลาจะยกได้ 10-30% ของปัญหา
คลิกอ่าน ร้อยไหมปากฉลาม ตัวใหม่
คลิกอ่าน ร้อยไหมกับโบท๊อกซ์อันไหนดีกว่ากัน
คลิกอ่านบทความ 15 คำถามหลังร้อยไหม
คลิกดูโปรโมชั่นร้อยไหม
แนะนำร้อยไหมจาก nadeng charmer clinic อันดับ 1
รีวิวร้อยไหมก้างปลาหรือไหมเงี่ยง
ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
สนใจสอบถามปรึกษาแพทย์/นัดคิว
จองคิวที่📲 call center 085-9192768
🦋 สาขารัชดา (MRTรัชดาภิเษก) โทร 094-5598748
🦋 สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
🦋 สาขาเพชรเกษม 81 โทร 095-058-3666
🦋 สาขารังสิต (ตรงข้ามฟิวเจอร์พาร์ค) โทร 094-696-5322
🦋 สาขา สุขุมวิท39 (ตึก Bio House) โทร 093-241-4969
🦋 สาขา ราชพฤกษ์ (The Walk ) โทร 081-444-6395
Click to rate this post!
[Total: 27 Average: 4.3]