อยากรู้ว่า ร้อยไหม กับ โบท๊อกซ์ ช่วยยกกระชับใบหน้าหย่อนคล้อย อันไหนดีกว่ากัน? ลองมาดูคำตอบที่นี่!

ร้อยไหม กับ botox
ตอบ หากถามว่าอะไรดีกว่ากัน คงจะตอบยากพอสมควร เพราะจริงๆ แล้ว กลไกการทำงาน หรือการแก้ปัญหาของแต่ละหัตถการ ต่างมีจุดเด่น จุดด้อยต่างกัน หากวันนี้เราคุยกันในเรื่องการ ยกกระชับใบหน้า สำหรับสาวๆ ที่เริ่มมีปัญหาการหย่อนคล้อย ส่วนมากจะประมาณวัย 30 ขึ้นไป เนื่องจาก คอลลาเจนอีลาสตินใต้ผิวเริ่มลดลง ทำให้ผิวไม่กระชับเหมือนเดิม
นับเป็นปัญหาแก้ยากของสาวๆ พอสมควร เพราะต่อให้เราดูแลผิวด้วยการทาครีม ยกกระชับแพงๆ หรือการออกกำลังกายต่อเนื่อง ก็อาจจะไม่ได้ช่วยให้ได้ผลมากเท่าที่ควร เนื่องจากการทาครีมนั้นไม่สามารถลงลึกได้ถึงผิวชั้นในที่เกิดการหย่อนคล้อย ( ชั้นกล้ามเนื้อบนใบหน้า ) จึงจำเป็นอาจจะต้องแก้ไขด้วยหัตถการทางการแพทย์
ซึ่งสาวๆ ในปัจจุบัน ก็คงจะรู้จักกันอย่างดี ไม่มากก็น้อย สำหรับ ร้อยไหม หรือ โบท๊อกซ์ แต่หลายคนยังสับสนว่าแล้วควรจะเลือกทำอะไรดี และคำถามที่พบประจำเลยก็ว่าได้ แต่ต้องบอกก่อนว่า วันนี้เราคุยกันในเรื่องของการ ยกกระชับผิว เน้นบริเวณช่วงแก้มกัน
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเรื่องกลไกการทำงานของแต่ละตัวกันสักนิด เพื่อให้มองเห็นภาพกันมากยิ่งขึ้น
โบท๊อกซ์ ( botox ) คือสารที่สกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ ( Clostridium botulinum ) โดยตัวสารอยู่ในรูปโปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถจับกับปลายเส้นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับ Botox หดตัวไม่ได้ และอยู่ในสภาพคลายตัวในที่สุด
หากอ่านดูแล้วจะสังเกตุเห็นว่า botox นั้นจะทำงานในเรื่องของการควบคุมกล้ามเนื้อ ( การหย่อนคล้อยใบหน้าส่วนหนึ่งเกิดจากชั้นของกล้ามเนื้อ ) จึงสามารถที่จะยกกระชับลดความหย่อนคล้อยได้ ด้วยการทำ botox lifting จะช่วยให้หน้ายกกระชับขึ้น
ข้อดีของโบท๊อกซ์ คือเห็นผลค่อนข้างเร็ว ไม่มีรอยใดๆ ไม่ต้องพักฟื้น
ข้อเสียของโบท๊อกซ์ คืออยู่ได้ไม่นาน ประมาณ 2-3 เดือน เท่านั้น หากมีการหย่อนคล้อยมากๆ อาจจะต้องรักษาร่วมกับวิธีอื่นๆ
ร้อยไหม คือวิธีการ ยกกระชับผิว โดยใช้ไหมละลาย หรืออาจจะพอคุ้นหูกันบ้าง ว่าไหม PDO ทำจากโพลีไดออกซาโนน ( Polydioxanone ) ซึ่งใช้ในการเย็บแผลผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจ มักไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้และได้รับการรับรองความปลอดภัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. ) ไหมตัวนี้จะค่อยๆ ละลายหายไปเอง ซึ่งปัจจุบัน มีการพัฒนาไหมละลาย แต่ทำในหลายรูปแบบมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน รวมถึงช่วยให้ระยะเวลาอยู่ได้นานขึ้น เช่น
ไหม pdo เส้นเรียบ หรือในบางคนเรียกว่า ไหมคอลลาเจน จะเป็นไหมเส้นเล็ก โดยหมอจะร้อยในชั้นคอลลาเจน เพื่อเน้นให้ผิวกระชับ แน่นมากกว่าการหย่อนคล้อย
ไหมก้างปลา หรือบางคนเรียกว่าไหมเงี่ยง คือไหมชนิดเดียวกัน พัฒนามาจากไหมคอลลาเจนเส้นเรียบ ให้มีเงี่ยงเกาะผิวได้มากขึ้นรวมถึงเส้นไหมที่ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ยกผิวหย่อนคล้อยและกระชับผิวได้มากขึ้น อยู่นานขึ้น โดยไหมเงี่ยงนี้จะอยู่นานประมาณ 1 ปี คุณหมอจะร้อยลึกกว่าไหมคอลลาเจน โดยร้อยลงชั้นกล้ามเนื้อ
ไหมหล่อแบบ PCL ( ไหมปากฉลาม ) คือไหมที่มีการสลักไหม ให้มีการยึดเกาะ 2 ทิศทาง ทำให้ยกกระชับผิวได้มากขึ้นมากกว่า ความแข็งแรงทนทานของไหมมากขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยเยอะมาก หรือไม่อากร้อยไหมจำนวนเยอะ ตัวเข็มของไหมตัวนี้ ออกแบบมาในแบบเข็มทู่ซึ่งลดความเจ็บและการบวมช้ำได้มากหลังทำ รวมถึงอยู่ได้นานกว่าไหมทั่วไป
หากเราวิเคราะห์ ข้อดี ข้อเสียแบบสรุปคือ โบท๊อกซ์ ( botox ) ไม่มีแผล ไม่ต้องมีพักฟื้นใดๆ แต่อยู่ได้ไม่นาน ส่วนร้อยไหมอยู่นานกว่า ยกกระชับ มากกว่า แต่อาจจะมีบวมช้ำได้บ้าง
ขอสรุปเลือกแบบไหนดีกว่ากัน ต้องบอกว่าไม่มีแบบไหนดีกว่ากัน แต่แบบไหนที่เหมาะกับเรามากกว่ากันมากกว่า ซึ่งการพิจารณานั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละบุคคล ทั้งอายุ วัย การดูแลตัวเอง ความต้องการ ย่อมต้องพิจารณาประกอบกันทั้งหมด ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อรับทราบปัญหาและการแก้ปัญหา รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ข้อดี ข้อเสีย เพื่อประกอบการตัดสินใจนะคะ
คลิกอ่าน บทความเทรนด์ความงาม อื่นๆ เพิ่มเติม ที่นี่!
🔷ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี 2025 ผ่าน อย. ไทย สวยปลอดภัย คลิกอ่านบทความ! ฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี 2025
🔷มัดรวม หัตถการงานผิว Glass Skin กลาสสกิน เติมผิวใสฉ่ำวาวสุขภาพดีแบบสาวเกาหลี คลิกอ่านบทความ! Glass Skin
🔷ไหมน้ำ Juvelook ปลุกผิวอ่อนเยาว์สุขภาพดี ดังใจปรารถนา คลิกอ่านบทความ! Juvelook