พังผืด เปรียบเสมือนแผลเป็นภายในร่างกายที่เกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บ ร่างกายสร้างพังผืดเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ฉีกขาด แต่บางครั้งพังผืดเหล่านี้กลับสร้างปัญหา ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวและการทำงานของอวัยวะต่างๆ บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับพังผืดให้ลึกลงไป เข้าใจที่มา สาเหตุ อาการ วิธีการรักษา และวิธีป้องกัน เพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลตัวเองและห่างไกลจากปัญหาพังผืด
พังผืด คืออะไร?
พังผืด คือ เนื้อเยื่อสีขาวหนาแน่นที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อซ่อมแซมรอยแผลหรืออาการบาดเจ็บ โดยปกติแล้วพังผืดเหล่านี้จะมีประโยชน์ ช่วยให้เนื้อเยื่อที่ฉีกขาดกลับมาติดกัน แต่บางครั้งพังผืดอาจเกิดมากเกินไป หรือเกิดในตำแหน่งที่ผิดปกติ ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของข้อต่อหรืออวัยวะ
สาเหตุของการเกิดพังผืด
พังผืดเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ ดังนี้
1.การผ่าตัด : หลังการผ่าตัด ร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกตัดออก แต่บางครั้งพังผืดเหล่านี้อาจเกิดมากเกินไป หรือเกิดในตำแหน่งที่ผิดปกติ ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของข้อต่อหรืออวัยวะ
2.การบาดเจ็บ : รอยแผลไฟไหม้ แผลลึก หรือรอยแผลจากอุบัติเหตุ อาจทำให้เกิดพังผืดได้
3.การติดเชื้อ : การติดเชื้อบางชนิด เช่น การติดเชื้อในช่องท้องหรือกระดูกเชิงกราน อาจทำให้เกิดพังผืดได้
4.โรคบางชนิด : โรคบางชนิด เช่น โรคข้ออักเสบ โรคสะเก็ดเงิน โรคลำไส้เรื้อรัง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพังผืด
5.พันธุกรรม : บางรายอาจมีพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพังผืด
กลไกการเกิดพังผืด จะเกิดได้จากเมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บหรือเกิดการอักเสบ เซลล์บางชนิดจะถูกกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนและโปรตีนอื่นๆ มากขึ้น คอลลาเจนเหล่านี้จะรวมตัวกันกลายเป็นพังผืด โดยปกติแล้วพังผืดเหล่านี้จะมีประโยชน์ ช่วยให้เนื้อเยื่อที่ฉีกขาดกลับมาติดกัน แต่บางครั้งหากเกิดพังผืดมากเกินไป หรือเกิดในตำแหน่งที่ผิดปกติ จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของข้อต่อหรืออวัยวะได้
อาการของพังผืด
อาการของพังผืดจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดพังผืด โดยทั่วไปแล้ว อาจพบอาการดังต่อไปนี้
-
อาการปวดอาจเป็นแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง
-
รู้สึกตึงหรือแข็งในบริเวณที่เกิดพังผืด
-
พังผืดอาจทำให้การเคลื่อนไหวของข้อต่อหรืออวัยวะบริเวณที่เกิดพังผืดลดลง
-
กล้ามเนื้อบริเวณที่เกิดพังผืดอาจอ่อนแรง
-
รู้สึกชาหรือเสียวซ่า
วิธีการรักษาพังผืด มีอะไรบ้าง
พังผืด เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายบริเวณของร่างกาย การรักษาพังผืดจึงต้องพิจารณาความรุนแรงและตำแหน่งของพังผืดเป็นหลัก วิธีการรักษามีหลายวิธี ดังนี้
1.การใช้ยา
-
ยาต้านการอักเสบ : ช่วยลดอาการอักเสบและปวด เหมาะสำหรับพังผืดที่เกิดจากการอักเสบ
-
ยาละลายพังผืด: ช่วยสลายพังผืด แต่มีประสิทธิภาพไม่สูงมาก มักใช้ร่วมกับวิธีอื่น
2.การกายภาพบำบัด
-
ช่วยยืดกล้ามเนื้อและพังผืด เพิ่มการไหลเวียนโลหิต เหมาะสำหรับพังผืดที่ไม่รุนแรงนัก เช่น พังผืดรัดข้อเข่า
3.การฉีดสารสลายพังผืด
-
เป็นการฉีดยาเข้าไปสลายพังผืดโดยตรง เหมาะสำหรับพังผืดที่มีขนาดเล็ก แต่มีผลข้างเคียง เช่น อาการปวด บวม แดง
4. การรักษาพังผืดในผิวหนังและหลุมสิว
-
Subcision: ใช้เข็มขนาดเล็กแยกเนื้อเยื่อที่ยึดติดใต้ผิวหนังออก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
-
การฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Fillers): ใช้สารเติมเต็มยกผิวหนังที่ยุบตัวขึ้นมาอ่านเพิ่มเติมเกี่ยววกับโปรแกรมฟิลเลอร์
-
เลเซอร์รักษาแผลเป็น (Laser Therapy): กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับปรุงพื้นผิวผิวหนัง อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมเลเซอร์
การเลือกวิธีรักษาพังผืด แพทย์จะพิจารณาจากชนิด สาเหตุ และความรุนแรงของพังผืด รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย แพทย์จะอธิบายวิธีการรักษา ข้อดี ข้อเสีย ผลข้างเคียง และค่าใช้จ่ายให้ผู้ป่วยเข้าใจอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจรักษา
Subcision คือะไร?
Subcision หรือ การตัดพังผืดหลุมสิว เป็นวิธีการรักษาหลุมสิวโดยใช้เข็มขนาดเล็กสอดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณที่มีปัญหาเพื่อตัดเลาะพังผืดหรือเนื้อเยื่อคีลอยด์ที่ยึดฐานของหลุมสิวเอาไว้ เมื่อพังผืดถูกตัด ฐานของหลุมสิวจะยกสูงขึ้น ช่องว่างใต้หลุมสิวจะเกิดกระบวนการซ่อมแซมผิว เร่งการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น รอยแผลเป็นดูเรียบเนียนขึ้น
การใช้ Subcision ในการรักษาพังผืด ทำได้จริงไหม?
Subcision สามารถช่วยในการแก้พังผืดได้ในบางกรณี โดยเฉพาะในกรณีที่พังผืดเกิดขึ้นในชั้นผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง กระบวนการนี้สามารถช่วยแยกเนื้อเยื่อที่ยึดติดกันออกมาและกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ อย่างไรก็ตาม การใช้ Subcision เพื่อรักษาพังผืดต้องพิจารณาเป็นกรณีไป เนื่องจากพังผืดบางชนิดอาจต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน
ข้อดีของการทำ Subcision
-
ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น รอยแผลเป็นดูเรียบเนียนขึ้น
-
เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน โดยเฉพาะหลุมสิวร่องลึก
-
ใช้เวลาในการรักษาสั้น
-
ผลข้างเคียงน้อย
ข้อเสียของการทำ Subcision
-
อาจเกิดรอยช้ำ บวม แดง บริเวณที่ทำการรักษา
-
อาจเกิดการติดเชื้อได้หากไม่ดูแลรักษาความสะอาดอย่างถูกวิธี
-
ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ผลลัพธ์ของ Subcision มักจะปรากฏชัดเจนหลังการรักษาประมาณ 1-2 เดือน โดยหลุมสิวจะค่อยๆ ตื้นขึ้น รอยแผลเป็นดูเรียบเนียนขึ้น ผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานหลายปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาผิวของแต่ละบุคคล
พังผืดเป็นปัญหาสุขภาพที่สามารถทำให้เกิดความเจ็บปวดและข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว การเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ การวินิจฉัย และวิธีการรักษาพังผืดจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการที่สอดคล้องกับพังผืด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
คลิกอ่านเกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่
-
โปรแกรม HYAFILIA (ไฮยาฟิเลีย) ฟิลเลอร์ตัวดังราคาเบา เกรดพรีเมี่ยม https://bit.ly/4bYMwgq
-
โปรแกรม ฟิลเลอร์เกาหลี VS ฟิลเลอร์อเมริกา แบบไหนดี และต่างกันอย่างไร https://bit.ly/3VvJQ3g
-
โปรแกรม ไหมน้ำ VS ฟิลเลอร์ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับผิวหน้าของเรา https://bit.ly/4elYsKW
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกยี่ห้อไหนดี ? https://bit.ly/3i39sjD
-
Filler (ฟิลเลอร์) เติมเต็มร่องแก้ม หรือ คาง ใต้ตา https://bit.ly/3xlRmoT
-
เช็คก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี https://bit.ly/3c1T4v8
-
ฟิลเลอร์ (Filler) ใต้ตา บอกลาใต้ตาคล้ำ ร่องลึก แก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุด https://bit.ly/3TD0wF0
ฝากกดติดตามสาระดีๆเกี่ยวกับความงาม
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]