ไม่มีความเห็น

6 วิธีรักษาหลุมสิวที่ได้ผลจริง & เห็นผลเร็ว !!!

6 วิธีรักษาหลุมสิวที่ดีที่สุด

Table of Contents

6 วิธีรักษาหลุมสิวที่ได้ผลจริง & เห็นผลเร็ว !!!

ผิวหน้าขรุขระ ไม่เรียบเนียน เพราะมีหลุมสิว  ถือเป็นปัญหากวนใจสำหรับหลายคน เพราะนอกจากจะดูไม่น่ามองแล้ว หลุมสิวยังทำให้การแต่งหน้าดูไม่เนียน หรือทารองพื้น ทาแป้งแล้วตกร่องนั่นเอง หลายคนอาจสงสัยว่า “หลุมสิว” เกิดจากอะไร เป็นได้ยังไง มีกี่ประเภท และจะรักษาหลุมสิวยังไงให้หาย มาดูกันเลย ! 

หลุมสิว เกิดจากอะไร ?

“หลุมสิว” คือ รอยแผลเป็นจากสิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง เวลาที่สิวพวกนี้ขึ้นบนหน้านานๆ และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะทำให้ใต้ชั้นผิวหนังบริเวณนั้นเป็นหนองและเกิดโพรงขึ้นมา คือเกิดการยุบตัวของผิว ผิวจึงต้องสร้างกระบวนการรักษาตัวเองด้วยการสร้างพังผืดเพื่อรั้งผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นยุบลงไปและกลายเป็น “หลุมสิว” นั่นเอง 

ส่วนคนที่สงสัยว่าไม่เคยไปบีบ เค้น แกะสิวเลย แต่ทำไมถึงมีหลุมสิวได้ นั่นก็เพราะสิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง ได้สร้างการอักเสบลึกลงไปถึงผิวชั้นใน ทำให้คอลลาเจนบนผิวลดลงและถูกทำลาย ผิวจึงต้องสร้างพังผืดขึ้นมาเพื่อรักษาตัวเอง ซึ่งไอ้เจ้าพังผืดใต้ผิวหนังนี่แหละคือ “หลุมสิว” ส่วนคนที่ชอบบีบ เค้น แกะสิว ก็จะยิ่งมีรอยหลุมสิวที่ลึกมากขึ้น ใครที่ไม่อยากมีหลุมสิวแนะนำให้รักษาสิวอย่างถูกวิธี หรือไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

 

หลุมสิวมีกี่ประเภท
หลุมสิวมีกี่ประเภท

หลุมสิวมีกี่ประเภท ?

หลุมสิวแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
ประเภทหลุมสิว
ประเภทหลุมสิว
  1. Rolling scar (ระดับทั่วไป)
    หลุมสิวแบบคลื่น หลุมสิวประเภทนี้จะมีลักษณะเหมือนคลื่น คือ มีความโค้ง เป็นแอ่งเว้าลงไปและตื้น เป็นหลุมสิวที่รักษาได้ง่ายกว่าประเภทอื่น 
ประเภทหลุมสิว
ประเภทหลุมสิว
  1. Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง)
    หลุมสิวแบบกล่อง หลุมสิวประเภทนี้จะมีลักษณะเหลี่ยม กลมรี หรือเป็นบ่อ และมองเห็นขอบของหลุมสิวได้ชัดเจน 
ประเภทหลุมสิว
ประเภทหลุมสิว Ice pick scar

 

  1. Ice pick scar (ระดับรุนแรงที่สุด)
    หลุมสิวแบบจิก หลุมสิวประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นหลุมลึก ปากแผลแคบ ก้นของหลุมสิวจะแหลมคล้ายๆ ตัว V เป็นหลุมสิวที่รักษายากที่สุด 

6 วิธีรักษาหลุมสิว 

วิธีรักษาหลุมสิวจะขึ้นอยู่กับประเภทหรือความรุนแรงของหลุมสิวที่เป็นด้วย แนะนำให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวหน้าว่าควรทำการรักษาด้วยวิธีไหนจะดีที่สุด

 

  1. การทายา 
การรักษาหลุมสิว ด้วยการทายาเหมาะกับหลุมสิวประเภท Rolling scar เพราะเป็นหลุมสิวตื้นๆ อยู่ในระดับที่ยังไม่ลึกมาก จึงสามารถทายาเพื่อช่วยเติมเต็มเนื้อผิวได้ ระหว่างที่ทายารักษาหลุมสิวควรทาครีมกันแดดเสมอ และเลี่ยงการโดนแสงแดดเพราะผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น
  • ครีมที่มีส่วนผสม Retinoids (วิตามินเอ) มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุมสิวดูตื้นและเรียบเนียนขึ้น เช่น Retin-A, Retacnyl, Acnetin-A 
  • ครีมที่มีส่วนผสม AHA และ BHA มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อเติมหลุมสิวให้ดูตื้นขึ้น 

 

Pico laser หลุมสิว
Pico laser หลุมสิว

 

  1. การทำเลเซอร์
การรักษาหลุมสิว ด้วยการทำเลเซอร์เหมาะกับหลุมสิวทั้ง 3 ประเภท แต่การทำเลเซอร์อาจมีผลข้างเคียงคือต้องใช้เวลาในการพักฟื้นผิวนาน และควรเลี่ยงการโดนแสงแดดเพราะผิวจะคล้ำและเป็นรอยง่าย 
  • Cool touch laser คือ การยิงเลเซอร์เข้าไปที่ผิวชั้นกลางเพื่อกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนมาเติมเต็มหลุมสิว เป็นการทำเลเซอร์ที่ไม่ค่อยเจ็บมาก ควรทำติดต่อกันประมาณ 5-7 ครั้งจึงจะเห็นผล
  • Laser Fraxel คือ การยิงเลเซอร์ที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่และผลัดเซลล์ผิวให้เรียบเนียนขึ้น เป็นการทำเลเซอร์ที่อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้งจึงจะเห็นผล
  • Laser fractional CO2 คือ การยิงเลเซอร์ชนิดรุนแรงเพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยตัวเลเซอร์สามารถตัดพังผืดแบบแนวดิ่งได้ จึงเหมาะสำหรับหลุมสิวที่กว้างและลึกมากๆ แต่มีผลข้างเคียงคือต้องใช้เวลาพักฟื้นหน้านานกว่าเลเซอร์แบบอื่น ควรทำติดต่อกันประมาณ 4 ครั้งจึงจะเห็นผล
  1. การลอกผิว
การรักษาหลุมสิว ด้วยการลอกผิวเหมาะกับหลุมสิวทุกประเภท แต่จะเห็นผลดีที่สุดในหลุมสิวประเภท Rolling scar เพราะเป็นหลุมสิวที่ตื้นจึงรักษาได้ง่ายกว่าหลุมสิวประเภทอื่น 
  • การลอกผิวด้วยการกรอผิว (Microdermabrasion หรือ MD) คือ การกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณีที่มีขนาดเล็กกว่า 100 ไมครอน ซึ่งจะช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้หลุมสิวดูตื้น ผิวดูเต็มขึ้น การกรอผิวจะไม่ทำให้ผิวหน้าเกิดแผลใดๆ ควรทำติดต่อกันประมาณ 6-10 ครั้งจึงจะเห็นผล 

 

Derma Scar
Derma Scar

 

  1. การทำ Skin Needle 
การรักษาหลุมสิว ด้วยการทำ Skin Needle หรือ Derma Scar คือ การใช้เข็มขนาดเล็กมากสแตมลงบนผิว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ คอลลาเจน และอิลาสตินของผิวใหม่ ทำให้ผิวได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองเร็วขึ้น หลุมสิวจึงดูตื้นขึ้น 10-30% หลังการรักษาครั้งแรก การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีนี้จะไม่ทำให้หน้าบางหรือดูดำคล้ำขึ้น ใช้รักษาหลุมสิวได้ทุกประเภท ควรทำติดต่อกันประมาณ 2-5 ครั้งจึงจะเห็นผล
  1. การเลาะพังผืด (Subcision) 
การรักษาหลุมสิว ด้วยการเลาะพังผืด (Subcision) คือ การใช้เข็มลักษณะพิเศษที่สามารถสอดลงไปใต้ผิวหนังได้ เพื่อเลาะหรือตัดพังผืดใต้ผิวออก หลังทำอาจมีแผลช้ำจากรอยเข็มประมาณ 1-2 สัปดาห์ เมื่อผิวหายช้ำแล้วหลุมสิวจะดูตื้นและผิวดูเต็มขึ้น ผลข้างเคียงคือผิวหนังอาจติดเชื้อ หรือมีรอยแผลใหม่จากการรักษาได้ ควรทำติดต่อกันประมาณ 3-5 ครั้ง 

 

 

ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว
ฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

 

  1. การฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
การรักษาหลุมสิว ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือ การนำสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) มาฉีดเพื่อเติมเต็มหลุมสิวให้ผิวดูเต็มขึ้น โดยจะเห็นผลว่าหลุมสิวดูตื้นขึ้น 30-70% ทันทีหลังฉีด ข้อเสียคือมันเป็นสารที่เสื่อมสลายไปได้เอง การฉีด 1 ครั้ง จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี เหมาะกับการรักษาหลุมสิวประเภท Rolling scar และ Box scar 

 

การรักษา “หลุมสิว” หรือปัญหาผิวหน้าพระจันทร์ ผิวขรุขระ สามารถใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษาได้ และอาจต้องใช้จำนวนการรักษาหลายครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของหลุมสิว ใครที่อยากรักษาหลุมสิวให้หายจริง แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ก็ควรป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นซ้ำซากหรือลุกลามด้วย เพราะ “สิว” คือต้นเหตุของการเกิดหลุมสิวนั่นเอง

 

 

Charmerclinic

 

สามารถอ่านบทความเกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่
ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 1]
Share this

“ความสวยของคุณ คือเป้าหมายของเรา”

จองคิวที่ call center 085-9192768

สาขารัชดา โทร 094-5598748
สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
สาขาเพชรเกษม 69 โทร 095-058-3666
สาขารังสิต โทร 094-696-5322
สาขาอโศก-สุขุมวิท โทร 093-241-4969
สาขาพรอมานาด โทร 098-154-4454
สาขาเมเจอร์ปิ่นเกล้า โทร 083-978-0666
สาขาราชพฤกษ์ โทร 096-016-1666 

ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นที่ข้อสงสัยได้ที่ด้านล่างนี้

บทความที่น่าสนใจ