6 วิธียกกระชับใบหน้า วิธีไหนดีที่สุด?

เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวว่ามีปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ ผิวมีริ้วรอยเหี่ยวย่นที่มากขึ้น บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่าปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวมีริ้วรอยเหี่ยวย่นเกิดจากอะไร มีวิธียกกระชับใบหน้าด้วยวิธีที่ไหนบ้าง และวิธีไหนที่จะช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ดีที่สุด!!!

 

 

ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย เกิดจากอะไร

เมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างผิวหนังของคนเราจะเริ่มสูญเสียเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและกระชับ พอคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวหนังจึงก็จะเหลือพื้นที่ว่างใต้ชั้นผิวมากขึ้น ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเห็นร  อยเหี่ยวย่นที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยยังเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้ด้วย เช่น การได้รับแสงแดดหรือรังสี UV ที่มากเกินไป, การสูบบุหรี่, การทานอาหารแปรรูปหรืออาหารที่มีน้ำตาลเยอะเกินไป และการมีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน 

 

 

วิธียกกระชับใบหน้าแบบธรรมชาติ

 

• บริหารใบหน้า 

• 

โดยขยับใบหน้าด้วยการใช้ปากขยับเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ A, E, I, O, U จะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตั้งแต่บริเวณใต้หูจนถึงปากให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ใบหน้ากระชับและสวยได้รูปมากขึ้น แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอถึงจะเห็นผล

 

 

•  ใช้ผลิตภัณฑ์กระชับใบหน้า

ครีมยกกระชิบผิวหน้ามีให้เลือกมากมายหลากหลายสูตร และหาซื้อได้ง่ายมาก ส่วนผสมหลักที่ดีในครีมยกกระชับผิวคือเรตินอล (Retinol) เพราะสามารถช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ช่วยให้ผิวดูเต่งตึงเรียบเนียนขึ้นได้ แต่การทาครีมบำรุงก็อาจต้องใช้เวลาในการเห็นผลนานและต้องใช้อย่างสม่ำเสมอ 

 

 

• เลี่ยงอาหารรสจัด

หลายคนอาจมองข้าม แต่การทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสเค็ม อาหารที่มีโซเดียมสูง จะทำให้ไตทำงานหนัก และทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมน้ำ ซึ่งมันก็อาจทำให้ใบหน้าบวมน้ำหรือไม่กระชับได้ค่ะ 

 

 

• ลดการเคี้ยวอาหารที่ออกแรงเยอะหรือยาก

 

 

การเคี้ยวที่มากเกินไปจะส่งผลให้กรามทำงานหนัก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้กรามใหญ่ เพราะร่างกายต้องสร้างกล้ามเนื้อเพื่อมารองรับการทำงานของกรามที่ทำงานหนักขึ้น บวกกับการมีไขมันที่เพิ่มมากขึ้นจากการทานอาหารที่มากเกินไป จึงส่งผลให้ใบหน้าไม่เรียวกระชับ

 

6 วิธียกกระชับใบหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด

1. Hifu / Ultraformer

   คือ การยกกระชับผิวด้วยการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูงยิงเข้าไปใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวบริเวณนั้นยกกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น

   อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://charmerclinic.com/service/hifu/

เหมาะกับใคร

• คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ 

• คนที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องการผ่าตัด ฉีด หรือใช้มีด

• คนที่ต้องการยกกระชับผิวและปรับให้หน้าดูเรียว

• คนที่ไม่ต้องการพักฟื้น หรือไม่อยากให้ผิวมีแผลหลังทำ

ข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี = สามารถยกกระชับผิวได้จริงโดยไม่ต้องผ่าตัด หรือใช้มีดใช้เข็มให้เจ็บตัว 

ข้อเสีย = เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยน้อย

 

 

2. Botox ลิฟกรอบหน้า คือ การฉีดสารโบทูลินั่มท็อกซิน (Botox toxin) ไปที่บริเวณกรอบหน้า เพื่อให้ผิวยกกระชับมากขึ้น และยังช่วยให้กรอบหน้าดูชัด สวยเป๊ะ รวมถึงยังช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณลำคอได้อีกด้วย มักจะนิยมฉีดบริเวณกรอบหน้าและใต้คาง เพื่อจะได้ดึงผิวบริเวณแก้มให้ยกกระชับมากขึ้น (ลิฟหน้า) โดยจะนิยมทำร่วมกับการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เพราะจะช่วยยกกระชับผิวและใบหน้าให้ดูเรียวสวยได้รูปมากขึ้น

เหมาะกับใคร 

• คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และอยากยกกระชับผิวให้ดูเต่งตึงขึ้น

• คนที่อยากเห็นผลลัพธ์ไวๆ และอยากปรับรูปหน้าให้ดูเป๊ะ ได้รูปมากขึ้น

• คนที่อยากแก้ปัญหาเหนียงใต้คาง มีปัญหาผิวหนังที่คอหย่อนคล้อย 

ข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี = การฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าจะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดว่าผิวมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และจะเห็นผลชัดขึ้นหลังฉีด 1-2 สัปดาห์ จึงเหมาะกับคนที่อยากเห็นผลลัพธ์ไวๆ

ข้อเสีย = ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร โดยสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3-5 เดือน จึงต้องกลับมาฉีดซ้ำๆ

 

3. AR Lifting คือ HA รุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์ แต่เป็น Super High Molecular Weight Hyaluronic Acid (HMWHA) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่จะช่วยยกกระชับใบหน้าได้ภายใน 5 นาที และยังช่วยย้อนวัยผิวให้ผิวดูใสและดูเด็กลงทันทีหลังฉีด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้หน้าแบบเร่งด่วน

เหมาะกับใคร

• คนที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับผิวอย่างเร่งด่วน

• คนที่ต้องการยกผิวให้ดูเต่งตึง เรียบเนียน และแน่นฟู

• คนที่ต้องการเห็นผลเร็วๆ อยากให้ผิวยกกระชับใน 24 ชม. 

• คนที่ต้องการให้ผิวดูฉ่ำเงา ผิว Glass Skin แบบสาวเกาหลี

 

ข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี = ช่วยยกผิวหน้า กระชับกรอบหน้าได้ทันทีหลังทำ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการไปออกงาน หรือใช้หน้าแบบเร่งด่วน หลังฉีดผิวจะไม่เบิร์นแดง ไม่บวม และไม่ต้องพักฟื้น นอกจากช่วยยกกระชับใบหน้าแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้ดูสุขภาพดี ผิวดูเรียบเนียน ฉ่ำวาว รูขุมขนดูเล็กลงอีกด้วย 

ข้อเสีย = ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร ต้องคอยฉีดซ้ำ

 

 

 

4. Filler ยกกรอบหน้าคือ การฉีดสารไฮายาลูโรนิกแอซิก (Hyaluronic Acid) เพื่อเติมเต็มคอลลาเจนใต้ผิวที่เสื่อมสลายให้ผิวกลับมายืดหยุ่น ยกกระชับ และเต่งตึงมากขึ้น โดยฟิลเลอร์จะสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ลึกถึงผิวชั้นใน ทำให้หลังฉีดใบหน้าจึงดูอ่อนกว่าวัย

 

เหมาะกับใคร

• คนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึกบริเวณต่างๆ บนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก 

• คนที่อยากยกกระชับให้ผิวหน้าเต่งตึงโดยที่ไม่อยากทำศัลยกรรมให้เจ็บตัว

• คนที่อยากปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

ข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี = ใช้เวลาทำไม่นาน เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำ และสามารถอยู่ได้นานประมาณ 5 เดือน – 2 ปี โดยจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อและชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ด้วย

ข้อเสีย = หลังทำอาจมีอาการบวมเข็มหรือมีรอยเข็มบริเวณที่ฉีดได้ แต่อาการจะหายไปเองภายใน 2-3 วัน 

5. ร้อยไหม คือ การใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกผิวหน้าให้กระชับขึ้น ไหมที่ร้อยเข้าไปจะกระตุ้นให้เนื้อเยื่อใต้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เพื่อยกกระชับผิว และยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่ง มีออร่า  อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://shorturl.asia/FmfzG

เหมาะกับใคร

• คนที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า และต้องการให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น

• คนที่มีอายุระหว่าง 30 ปลายๆ ถึง 50 ต้นๆ หรือมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง

ข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี = ใช้เวลาพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัดยกกระชับผิวหน้า และเห็นผลได้ทันทีหลังทำ เพราะไหมที่ร้อยเข้าไปจะทำหน้าที่เหมือนสลิงช่วยพยุงให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น และผลลัพธ์ก็สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1-3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคนด้วย

ข้อเสีย = หากทำกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญก็อาจทำให้เกิดผังพืด ผิวเป็นคลื่น หรือมีเลือดออกใต้ผิวหนังได้ และอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยมากๆ โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี 

6. นวดหน้ากัวซา คือ การนำหินหยกที่มีรูปร่างแบนและโค้งมนมานวดกดบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นศาสตร์การรักษาโรคของแพทย์แผนจีนโบราณ การนวดหน้าด้วยกัวซาจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบนใบหน้า ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

เหมาะกับใคร

• คนที่ต้องยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องการทำหัตถการต่างๆ 

• คนที่อยากให้ผิวหน้ามีเลือดไหลเวียนที่ดี 

• คนที่อยากให้ผิวไม่หย่อนคล้อย และลดอาการหน้าบวมหลังตื่นนอน

ข้อดี/ข้อเสีย

ข้อดี = สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเหมือนการทำหัตถการความงามอื่นๆ นอกจากจะช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานได้ดี ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสุขภาพดีขึ้นตามไปด้วย

ข้อเสีย = หากนวดผิดวิธีหรือลงน้ำหนักมากเกินไปอาจทำให้ผิวหนังบอบช้ำ มีรอยแดง หรือห้อเลือดได้ และยังเป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดและการแข็งตัวของเลือด เพราะการนวดกัวซาจะเกี่ยวข้องกับระบบไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ยังเห็นถึงผลลัพธ์ได้ช้ากว่าเมื่อเทียบกับการทำหัตถการความงามต่างๆ

 

 

 

 

3 อันดับทำแล้วเห็นผลลัพธ์ไวที่สุด

1. AR Lifting

ถือเป็นวิธียกกระชับใบหน้าที่นิยมมากในยุโรป เพราะฉีดแล้วจะช่วยยกกระชับผิวได้ทันที โดยจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงทันทีหลังทำว่าผิวยกกระชับและเต่งตึงมากขึ้น แถมยังช่วยปรับสภาพผิวให้ชุ่มชื้นฉ่ำวาว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ผิวจึงดูสุขภาพดีและเรียบเนียนมากขึ้น นวัตกรรมการยกกระชับใบหน้าด้วย AR Lifitng จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน และหลังฉีดเสร็จสามารถใช้หน้าได้ทันที ฉีดแล้วผิวจะไม่แดง ไม่บวม ไม่แสบ ไม่มี Downtime

2. Filler ยกกรอบหน้า

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) สามารถช่วยยกกระชับใบหน้าได้ แต่ต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดสูง เพราะต้องใช้เทคนิคการฉีดที่แอดวานซ์ โดยจะฉีดที่บริเวณสันกรอบหน้าเพื่อยกกระชับปรับรูปหน้า ทำให้หลังฉีดใบหน้าจะดูยืดหยุ่นและยกกระชับขึ้น สามารถอยู่ได้นานประมาณ 5 เดือน – 2 ปี และหลังทำเสร็จอาจมีรอยเข็มบริเวณที่ฉีดได้ 

3. Botox ลิฟกรอบหน้า

การฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าจะช่วยให้ผิวบริเวณกรอบหน้าที่หย่อนคล้อยกระชับและกรอบหน้าดูชัดขึ้น เพราะสารในโบท็อกซ์จะช่วยทำให้เซลล์ผิวหนังบริเวณกรอบหน้าเกิดการหดตัว ผิวจึงดูกระชับและเต่งตึงขึ้นนั่นเอง หลังฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าแล้วจะอยู่ได้นานประมาณ 3-5 เดือน โดยจะเห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นหลังฉีด 1-2 สัปดาห์

ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ทั้งวิธีแบบธรรมชาติ เช่น การออกกำลังกายบริหารใบหน้า หรือการใช้ครีมบำรุงผิวที่สรรพคุณช่วยยกกระชับผิว แต่วิธีแบบธรรมชาติก็อาจจะเห็นผลลัพธ์ได้ช้ากว่าการทำหัตถการความงามที่เมื่อทำเสร็จแล้วก็จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีว่าผิวยืดหยุ่นและกระชับขึ้น ซึ่งก็มี 3 วิธีที่การันตีว่าทำแล้วเห็นผลลัพธ์ไวที่สุด ได้แก่ การทำ AR Lifting, การฉีดฟิลเลอร์ยกกรอบหน้า และการทำโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีความแตกต่างกัน ส่วนใครที่กำลังลังเลว่าจะใช้วิธีไหนดี ขอแนะนำว่าให้ลองมาปรึกษากับชาเมอร์คลินิกได้

 

 

 

คลิกอ่านเกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่

🔷 ไฮฟู (Hifu) กับ ร้อยไหม (Thread lift) อันไหนดีกว่ากัน https://dlink.me/fWqgc

🔷ดูวีดีโอรีวิวการทำ ไฮฟู(HIFU) แบบ ปาย สิตางส์ https://bit.ly/3vY2XVx

🔷ดูวีดีโอรีวิว ไฮฟูยกกระชับหน้า ลดแก้ม https://bit.ly/2Wsx7AE

🔷อยากยกกระชับหน้า ร้อยไหมหรือ โบท๊อกซ์ดีกว่ากัน https://bit.ly/2SdwM1Z

🔷คลิกอ่าน HIFU กับ Ulthera แตกต่างกันอย่างไร

🔷Ultraformer III เทคโนโลยียกกระชับผิวใหม่ล่าสุดจากเกาหลี https://shorturl.asia/U2iNG

ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ

กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/

กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic

กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR

กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY

กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic

กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/