ปัญหาผิวแตกลาย แม้จะเป็นอยู่ในร่มผ้า แต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจได้ เช่น ไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำ ไม่กล้าใส่เสื้อผ้าที่ต้องโชว์ผิว เพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นผิวแตกลายของตัวเอง อย่าให้ผิวแตกลายมาหยุดความสนุกในการแต่งตัวของเราได้ มาดูวิธีรักษารอยแตกลายให้ดีขึ้น เพื่ออัพความมั่นใจให้เต็มสิบกัน !
รอยแตกลาย เกิดจากอะไร ?
รอยแตกลายบนผิวหนังเกิดจากเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นในสุดถูกยืดออกอย่างรวดเร็ว ทำให้โครงสร้างคอลลาเจนในผิวหนังถูกทำลายและฉีกขาด เมื่อผิวหนังมีคอลลาเจนไม่เพียงพอก็จะเกิดรอยแตกลายขึ้นมา สาเหตุมักเกิดจาก เช่น ร่างกายขยายขนาดหรือสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การตั้งครรภ์ การผ่าตัดหน้าอก การออกกำลังกายแบบเล่นกล้าม การได้รับสารสเตียรอยด์มากเกินไป เป็นต้น ปัญหารอยแตกลายถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่ส่งผลต่อสุขภาพทางกาย แต่มีผลในแง่ของความสวยงาม
รอยแตกลายบนผิวหนัง มักพบตรงไหนบ้าง ?
บริเวณที่มักพบรอยแตกลาย คือ ผิวหนังบริเวณที่ร่างกายมีการยืดขยายอย่างต่อเนื่อง เช่น
-
ต้นแขน หัวไหล่
-
หน้าอก
-
หน้าท้อง
-
สะโพก
-
หลัง
-
ต้นขา หัวเข่า น่อง
-
ก้น
ลักษณะของรอยแตกลาย
รอยแตกลายบนผิวหนังมักจะมีลักษณะเป็นร่องหรือเป็นลายเส้นขนาน ช่วงแรกๆ รอยแตกลายจะมีลักษณะเป็นแค่ริ้วเส้นสีแดงหรือสีม่วงจางๆ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลรักษา รอยแตกลายก็จะค่อยๆ มีสีอ่อนลงจนกลายเป็นสีขาว ลักษณะของรอยแตกลายแบ่งออกได้ 4 แบบ ได้แก่
-
Striae rubra คือ รอยแตกลายเส้นสีแดง เป็นรอยแตกลายในระยะแรก รอยแตกลายอาจจะนูนขึ้นจากผิวได้
-
Striae alba คือ รอยแตกลายเส้นสีขาว เป็นรอยแตกลายที่เปลี่ยนจากเส้นสีแดงมาเป็นสีขาว และรอยแตกลายได้ยุบตัวลงบนผิว
-
Striae distensae คือ รอยแตกลายที่มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานจากการยืด มักพบในคนที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
-
Striae atrophicans คือ รอยแตกลายที่มีลักษณะเป็นลายเส้นขนานโดยมีอาการผิวฝ่อ มักพบในคุณแม่หลังคลอด หรือคนที่มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว
7 วิธีรักษารอยแตกลายให้ดีขึ้น
-
การทาครีม
รักษารอยแตกลาย ด้วยการทาครีมที่มีส่วนผสม Tretinoin ซึ่งเป็นส่วนผสมของ Retinoids (วิตามินเอ) จะช่วยให้รอยแตกลายใหม่ๆ จางลงได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวและเสริมสร้างเซลล์ผิวชั้นที่ลึกกว่า ผลข้างเคียงคือทาแล้วผิวอาจแห้ง ลอก หรือแดงได้
-
การใช้กรดผลไม้ AHA / BHA
รักษารอยแตกลาย ด้วยการใช้กรดผลไม้ AHA และ BHA ทาบริเวณรอยแตกลายเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พร้อมกับกระตุ้นและซ่อมแซมการสร้างเนื้อเยื่อในชั้นหนังแท้ ทำให้ผิวดูเนียนขึ้น แต่อาจมีผลข้างเคียงคือผิวจะแห้ง ลอก หรือระคายเคืองง่าย
-
การทำเมโสเทอราปี (Mesotherapy)
รักษารอยแตกลาย ด้วยการทำเมโสเทอราปี (Mesotherapy) คือ การใช้เข็มเล็กๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสมานรอยแตกลายของผิว ทำให้รอยแตกลายดูจางลง และยังช่วยแก้ปัญหาผิวเปลือกส้มได้ด้วย
-
การทำเลเซอร์ (Laser)
รักษารอยแตกลาย ด้วยการทำเลเซอร์ (Laser) เป็นวิธีที่เห็นผล 40-60% แต่ต้องแลกกับค่ารักษาที่ค่อนข้างสูง
-
V-Beam Laser เหมาะสำหรับรักษารอยแตกลายใหม่ๆ หรือรอยแตกลายเส้นสีแดง เพราะเลเซอร์จะช่วยทำลายเส้นเลือด
-
ตกลายจางและยุบตัวลง ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-5 ครั้งจึงจะเห็นผล
-
Fractional Laser เหมาะสำหรับรักษารอยแตกลายที่เป็นมานานแล้ว เพราะเลเซอร์จะไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้ผิว ทำให้รอยแตกลายดูจางลง ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 4-5 ครั้งจึงจะเห็นผล
-
การฉีดคาร์บ็อกซี่ (Carboxytherapy)
รักษารอยแตกลาย ด้วยการฉีดคาร์บ็อกซี่ (Carboxytherapy) คือ การฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปที่ชั้นหนังแท้ตามแนวร่องแตกลายของผิวหนัง เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้ตึงกระชับขึ้น ทำให้รอยแตกลายดูจางลง ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 3-5 ครั้งจึงจะเห็นผล
รักษารอยแตกลาย ด้วยการทำ RF หรือ Redio Freqency คือ การใช้พลังงานความร้อนถึงผิวชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอิสลาสติน ช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเอง ทำให้รอยแตกลายดูจางลงและผิวดูเนียนขึ้น นอกจากช่วยเรื่องรอยแตกลายแล้วยังสลายไขมันได้ดีอีกด้วย
-
การทำ Oxy Peel การรักษารอยแตกลาย ด้วยการทำ Oxy Peel คือ การใช้นวัตกรรมรูปแบบใหม่ในการรักษารอยแตกลาย ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องเจ็บตัว เพราะเป็นเหมือนเจลทาผิว และมีมาร์คเป็นตัวช่วยทำปฏิกิริยากับชั้นผิว โดยจะใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ช่วยลดรอยแตกลายบนผิวหนัง จุดเด่นคือเห็นผลทันทีตั้งแต่ใช้ครั้งแรกว่ารอยแตกลายดูจางลง และยังช่วยลดเซลลูไลท์บนผิวได้ด้วย
ใครๆ ต่างก็อยากมีผิวที่เนียนสวย ไร้รอยแตกลายกันทั้งนั้น แต่ “รอยแตกลาย” บนผิวหนังเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งการมีรอยแตกลายตามจุดต่างๆ ส่งผลให้ความมั่นใจติดลบ อย่าให้ปัญหารอยแตกลายมาทำให้เราหมดความมั่นใจ เพราะรอยแตกลายสามารถรักษาให้หายได้ด้วยหลายวิธี ใครที่อยากรักษารอยแตกลายบนผิวหนังแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีสุดจ้า
ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
สนใจสอบถามปรึกษาแพทย์/นัดคิว
จองคิวที่📲 call center 085-919-2768
-
สาขารัชดา (MRTรัชดาภิเษก) โทร 094-559-8748
-
สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
-
สาขาเพชรเกษม 69 (victoria garden) โทร 095-058-3666
-
สาขารังสิต (ตรงข้ามฟิวเจอร์พาร์ค) โทร 094-696-5322
-
สาขาสุขุมวิท39 (ตึก Bio House) โทร 093-241-4969
-
สาขาราชพฤกษ์ (The Walk ) โทร 081-444-6395
-
สาขาวัชรพล (the platinum place) โทร 098-154-4454