ไม่มีความเห็น

โบท็อก (BOTOX) แล้วปากเบี้ยว สาเหตุเกิดจากอะไร อันตรายมากแค่ไหน?

โบท็อก (BOTOX) แล้วปากเบี้ยว สาเหตุเกิดจากอะไร อันตรายมากแค่ไหน?

Table of Contents

โบท็อก (BOTOX) แล้วปากเบี้ยว สาเหตุเกิดจากอะไร อันตรายมากแค่ไหน?

การฉีดโบท็อก (BOTOX) เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลง ลดกราม ลดแก้ม และลดริ้วรอย แม้จะเป็นเทคนิคที่ได้รับการยืนยันแล้วว่ามีความปลอดภัยสูง แต่บางครั้งก็อาจเกิดปัญหาหลังการฉีดได้เช่นกัน โดยเฉพาะอาการปากเบี้ยว ยิ้มไม่ได้ ยิ้มแล้วไม่เท่ากัน หรือยิ้มไม่สุด ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ หน้าตา และความมั่นใจของหลายๆ คนอย่างมาก เรามาดูกันว่าอาการปากเบี้ยวจากการฉีดโบท็อกนั้นเกิดได้อย่างไร อันตรายหรือไม่ และสามารถแก้ไขได้ยังไงบ้าง

 

ลักษณะของอาการปากเบี้ยวจากการฉีดโบท็อก

ลักษณะของอาการปากเบี้ยวจากการฉีดโบท็อก

ลักษณะเด่นของอาการปากเบี้ยวที่เกิดจากการฉีดโบท็อก ซึ่งพบได้บ่อยในคนไข้ ได้แก่
  • มุมปากข้างใดข้างหนึ่ง ยกขึ้น หรือ ตกลง ทำให้ปากทั้งสองข้างดูไม่เท่ากัน
  • ยิ้มไม่ขึ้น หรือไม่สามารถยกมุมปากทั้งสองข้างให้ยิ้มได้ตามปกติ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณมุมปากอ่อนแรงจนควบคุมลำบาก
  • ยิ้มไม่สุด เพราะมีความรู้สึกตึงเกร็งที่บริเวณรอบๆ มุมปากข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง
ในคนไข้บางคน อาจเกิดอาการหน้าตึง หน้าเกร็ง ไม่สามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้ ทำให้หน้าดูบึ้งไร้อารมณ์ หรือบางครั้งก็เจอปัญหาพูดไม่ชัดและเคี้ยวอาหารไม่ถนัดตามมาด้วย

 

 

สาเหตุของอาการปากเบี้ยวหลังฉีดโบท็อก

สาเหตุของอาการปากเบี้ยวหลังฉีดโบท็อก

อาการปากเบี้ยว ยิ้มไม่ได้ หรือยิ้มไม่สุด ที่เกิดหลังจากการฉีดโบท็อก มีสาเหตุจากฤทธิ์ของโบท็อกไปโดนมัดกล้ามเนื้อ “ไรซอเรียส (Risorius)” กับกล้ามเนื้อ “ไซโกมาติก (Zygomatic)” ที่อยู่บริเวณมุมปาก ซึ่งมีหน้าที่สำคัญคือคอยควบคุมการยกมุมปากขึ้นเวลาที่เรายิ้ม เนื่องจากสาร Botulinum toxin A ที่อยู่ในโบท็อกเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีฤทธิ์กดการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท การฉีดโบท็อกไปโดนมัดกล้ามเนื้อดังกล่าวเลยส่งผลให้เราไม่สามารถดึงยกมุมปากได้ตามปกติ และทำให้ปากสองข้างดูเบี้ยวไม่สมมาตรกันด้วย
สาเหตุที่บางครั้งการฉีดโบท็อกก็ทำให้มัดกล้ามเนื้อไรซอเรียสกับไซโกมาติกได้รับผลกระทบไปด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ มักสืบเนื่องมาจาก
  • ฉีดโบท็อกผิดตำแหน่ง ซึ่งเกิดได้ในกรณีที่เราไปฉีดโบท็อกกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • โบท็อกกระจายตัวไม่ดีและไปเกาะในจุดที่เราไม่ต้องการ ซึ่งเกิดขึ้นได้หากใบหน้าโดนกระแทกแรงๆ มีการนวดคลึงหน้าหลังฉีด หรือคนไข้นอนราบทันทีจนทำให้โบท็อกไหลออกจากบริเวณเดิม
  • ใช้โบท็อกปลอม หรือตัวยาหมดอายุ สารที่ฉีดจึงไม่สามารถสลายตัวได้ตามปกติ
  • ฉีดโบท็อกซ้ำบ่อยหรือถี่เกินไป ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเป็นอัมพาต
  • คนไข้มีกล้ามเนื้อไรซอเรียสเกาะไปด้านหลังมากกว่าปกติ

 

ฉีดโบท็อกบริเวณไหนบ้างเสี่ยงต่ออาการปากเบี้ยว

ฉีดโบท็อกบริเวณไหนบ้าง เสี่ยงต่ออาการปากเบี้ยว?

การฉีดโบท็อกบริเวณใบหน้าในจุดที่ใกล้กับมุมปาก ล้วนมีโอกาสเกิดอาการปากเบี้ยวหลังฉีดได้ทั้งนั้น โดยจุดในการฉีดที่เกิดปัญหาปากเบี้ยวตามมาได้บ่อยๆ ได้แก่
  • บริเวณกราม ซึ่งเป็นจุดฉีดที่เสี่ยงต่ออาการดังกล่าวได้มากที่สุด เนื่องจากกล้ามเนื้อกรามนั้นอยู่ใกล้กับกล้ามเนื้อไรซอเรียส
  • บริเวณหางตา และใต้ตา เนื่องจากเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับกล้ามเนื้อไซโกมาติก บางครั้งการทำโบท็อกริ้วรอยใต้ตาจึงอาจทำให้มุมปากเกร็งตึงได้ด้วย
  • บริเวณกรอบหน้า โหนกแก้ม และร่องแก้ม ซึ่งบางครั้งการฉีดโบท็อกผิดจุดก็อาจทำให้แก้มข้างใดข้างหนึ่งแบนลง และส่งผลให้หน้าดูไม่เท่ากันด้วย

 

อาการปากเบี้ยวจากการฉีดโบท็อกซ์อันตรายหรือไม่

อาการปากเบี้ยวจากการฉีดโบท็อก อันตรายหรือไม่?

อาการที่เกิดขึ้นไม่ใช่อาการอันตรายร้ายแรง และโดยปกติจะค่อยๆ ดีขึ้นได้เองเมื่อฤทธิ์ของโบท็อกสลายไป ซึ่งกว่าจะหายเป็นปกติได้ ก็อาจต้องใช้เวลานาน 3 – 6 เดือน ถึงแม้อาการปากเบี้ยวจะไม่ใช่ผลข้างเคียงที่รุนแรงมากนัก แต่ก็ส่งผลให้คนไข้ส่วนใหญ่รู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้ม พูดคุย หรือออกไปเจอผู้คน และบางครั้งก็มีปัญหาพูดไม่ชัดตามมาด้วย ทำให้หลายคนเลือกจะกลับไปแก้ไขที่คลินิก แทนที่จะรอให้อาการหายไปเอง

 

 

การแก้ไขปัญหาปากเบี้ยวจากโบท็อก

การแก้ไขปัญหาปากเบี้ยวจากโบท็อก

หากเรารอไม่ไหวที่จะปล่อยให้โบท็อกสลายไปเองตามธรรมชาติ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ก็สามารถติดต่อทางคลินิกความงามเพื่อขอรับการแก้ไขได้ โดยในกรณีที่ต้องการแก้ไข คนไข้ควรไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดทันทีที่สังเกตเห็นอาการ หรืออย่างช้าสุดไม่ควรเกิน 1 เดือนหลังฉีด เพราะถ้าปล่อยไว้นานโบท็อกจะยิ่งออกฤทธิ์มากและทำให้แก้ไขยากมากขึ้น
สำหรับการแก้ไขอาการปากเบี้ยว คุณหมอจะทำการสลายโบท็อกในบริเวณที่ไม่ต้องการโดยใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การนวดประคบร้อน การทำ HIFU หรือใช้เครื่อง RF (Radio Frequency) เพื่อปล่อยความร้อนไปทำลายโบท็อกส่วนที่ยังไม่ออกฤทธิ์ และช่วยให้ส่วนที่ออกฤทธิ์แล้วสลายตัวเร็วขึ้น นอกจากนี้ เรายังสามารถบริหารมัดกล้ามเนื้อที่มุมปากด้วยวิธีที่คุณหมอแนะนำ เพื่อให้สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้ตามต้องการเร็วขึ้นด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินใจฉีดโบท็อกแต่ละครั้ง คือเราต้องศึกษาข้อมูลให้ดี และเลือกฉีดกับคลินิกที่ผ่านการรับรองเท่านั้น เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะได้ฉีดโบท็อกของแท้ คุณภาพดี มีมาตรฐาน โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการปากเบี้ยว รวมถึงภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ หลังฉีดโบท็อกไปได้มากทีเดียว

 

 

 

 

Charmerclinic

ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
Click to rate this post!
[Total: 2 Average: 1.5]
Share this

“ความสวยของคุณ คือเป้าหมายของเรา”

จองคิวที่ call center 085-9192768

สาขารัชดา โทร 094-5598748
สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
สาขาเพชรเกษม 69 โทร 095-058-3666
สาขารังสิต โทร 094-696-5322
สาขาอโศก-สุขุมวิท โทร 093-241-4969
สาขาพรอมานาด โทร 098-154-4454
สาขาเมเจอร์ปิ่นเกล้า โทร 083-978-0666
สาขาราชพฤกษ์ โทร 096-016-1666 

ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นที่ข้อสงสัยได้ที่ด้านล่างนี้

บทความที่น่าสนใจ