เชื่อว่าหลาย ๆ คนมักจะเชื่อกันว่า ขอบตาดำคล้ำ นั้นเกิดจากการนอนดึกพักผ่อนไม่เพียงพอ มีส่วนทำให้ใต้ตาดำคล้ำจริง แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ขอบตาดำคล้ำได้ ไม่ว่าจะเป็น อายุ แสงแดด หรืออาการเจ็บป่วย ซึ่งอาการขอบตาดำส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคร้ายแรงแต่อย่างใด โดยเกิดขึ้นได้ในทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเล็ก ใครที่กำลังเผชิญปัญหานี้ อาจจัดการได้ด้วยตนเองที่บ้าน หรืออาจเลือกปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาก็ได้นะ
ทำไมถึงมีขอบตาดำคล้ำ เกิดจากอะไร ?
ขอบตาดำอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน ฮอร์โมน อาการเจ็บป่วย หรือหลาย ๆ สาเหตุรวมกัน ไม่ใช่เพียงแต่การพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้น
ปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดขอบตาดำคล้ำ มีดังนี้
-
อายุ เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น ถุงใต้ตาบริเวณหนังตาจะเริ่มหย่อนยานตามอายุ ทำให้เกิดเป็นเงาบริเวณขอบตา อีกทั้งการผลิตไขมันและคอลลาเจนบริเวณผิวหนังก็ลดลง ทำให้ผิวหนังบางลงจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ชัดเจน และทำให้ความคล้ำบริเวณขอบตายิ่งชัดเจนขึ้น
-
ความเครียดและการพักผ่อนน้อย ความเครียดสะสมหรือความเครียดเรื้อรังอาจส่งผลให้มีปัญหาในการนอนหลับ ทำให้ผิวซีดจางและดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้นจนสามารถสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดเจน
-
อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น อาการแพ้ เป็นต้น เพราะหากเกิดอาการภูมิแพ้ขึ้นตาจะทำให้ระคายเคืองดวงตาและเผลอไปขยี้ตาได้ ซึ่งอาจส่งผลให้ขอบตาดำ หรือเกิดการคัดจมูก และอาการคัดจมูกอาจทำให้เส้นเลือดบริเวณดวงตาและจมูกบวมขึ้นจนทำให้ผิวบริเวณใต้ดวงตาดำคล้ำขึ้นได้เช่นกัน
-
ภาวะขาดน้ำ เมื่อร่างกายไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอตามปริมาณที่ต้องการ เซลล์ผิวก็จะไม่กระจ่างใส ส่งผลให้รอยดำคล้ำใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น
-
การตั้งครรภ์ เมื่ออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
-
การสูบหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะบุหรี่ทำให้ขอบตาดำคล้ำยิ่งขึ้น และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา
-
แสงแดด แสงแดดอาจกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จนผิวหน้าบริเวณขอบตาดำคล้ำขึ้นได้
ขอบตาดำคล้ำ ทำอย่างไรดี ?
การรับมือปัญหาขอบตาดำอาจขึ้นอยู่กับสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา ซึ่งหากขอบตาดำเพราะอายุมากขึ้นก็อาจจัดการได้ค่อนข้างยาก แต่หากขอบตาดำเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ อย่างรูปแบบการใช้ชีวิตหรือปัจจัยแวดล้อม ก็อาจแก้ไขได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง หรือหลีกเลี่ยงปัจจัยบางอย่าง
โดยวิธีที่อาจช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำได้ มีดังนี้
-
จัดการกับความเครียด เนื่องจากความเครียดอาจส่งผลให้มีปัญหาในการนอน การจัดการความเครียดและหาวิธีผ่อนคลายก็อาจช่วยให้นอนหลับสบายและพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ
-
ดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
-
หลีกเลี่ยงแสงแดด เพื่อไม่ให้แสงแดดกระตุ้นการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังมากเกินไป
-
จัดหมอนรองนอน ควรจัดหมอนหนุนรองนอนให้สูงขึ้น หรือหาหมอนใบอื่นมาหนุุนเพิ่ม เพื่อช่วยลดปริมาณของเหลวที่สะสมอยู่บริเวณใต้ตา
-
ประคบเย็น โดยใช้ผ้าแช่เย็นหรือแตงกวาหั่นแว่นแช่เย็นมาประคบบริเวณดวงตาและขอบตา ซึ่งความเย็นอาจช่วยแก้ปัญหาขอบตาดำได้ แต่แตงกวาถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความเย็นแก่ผิวรอบดวงตาเท่านั้น ส่วนสารประกอบอื่น ๆ ในแตงกวาไม่ได้มีผลทำให้ขอบตาหายดำคล้ำได้แต่อย่างใด
-
แต่งหน้า โดยทาผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณขอบตาแล้วใช้เครื่องสำอางทาปกปิดบริเวณรอยคล้ำดังกล่าว เพื่อป้องกันอาการตาแห้งที่อาจทำให้ขอบตาดำคล้ำกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม การแต่งหน้าเป็นเพียงการอำพรางรอยคล้ำเท่านั้น ไม่ได้รักษาปัญหาขอบตาดำได้
-
ใช้ยา เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยที่ทำให้ขอบตาดำ เช่น ใช้ยาต้านฮิสตามีนเพื่อรักษาอาการแพ้ เป็นต้น
-
เลิกดื่มแอลกอฮอล์และไม่สูบบุหรี่ เพื่อไม่ให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
รักษาขอบตาดำด้วยวิธีทางการแพทย์
นอกจากการดูแลตนเอง ผู้ที่ประสบปัญหาขอบตาดำคล้ำอาจปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม เช่น
-
รักษาโรค ควรรักษาโรคและการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุทำให้ขอบตาคล้ำ เช่น โรคภูมิแพ้ หรือโรคหวัด เป็นต้น
-
ศัลยกรรมเลเซอร์ โดยยิงเลเซอร์เพื่อกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน กำจัดผิวหนังส่วนเกินของถุงใต้ตา และทำลายเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตาที่เป็นรอยดำคล้ำ อย่างไรก็ตาม การศัลยกรรมเลเซอร์เป็นวิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูง เสี่ยงเกิดแผลเป็นและการติดเชื้อ ทำให้เกิดความเจ็บปวดมาก และอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการฟื้นตัว
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีที่อาจช่วยปกปิดความดำคล้ำของใต้ตา เม็ดสีและเส้นเลือดใต้ผิวหน้า โดยอาจช่วยปกปิดได้นานถึง 6 เดือน แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ เช่น อาการบวม ช้ำ หรืออาการแพ้ เป็นต้น ซึ่งในบางครั้งการฉีดฟิลเลอร์ก็อาจทำให้ขอบตาดำคล้ำกว่าเดิม หากแพทย์ฉีดในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้อง
-
การฉีดสารสัดจาก HYA เพื่อรักษาใต้ตาดำ ซึ่ง HYA เป็นสารคล้ายฟิลเลอร์ แต่ระยะเวลาอาจจะอยู่ได้น้อยกว่า เป็นลักษณะในรูปแบบของยาเมโส โดยหมอจะฉีด HYA บริเวณใต้ตา เห็นผลทันที อาจจะมีรอยแดง บวมประมาณ 2-6 ชม แล้วแต่ละบุคคล การักษาใต้ตาดำคล้ำด้วย วิธีนี้ควรปรึกษาแพทย์ เรื่องความเหมาะสมตามปัญหาแต่ละท่านด้วยค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับปัญหาใต้ตาคล้ำและแนวทางการรักษาปัญหาขอบตาดำคล้ำ แต่ละคนอาจจะรุนแรง มากน้อยไม่เท่ากัน ตามสาเหตุและปัญหา แต่เราสามารถดูแลและป้องกันไว้ก่อนได้ ส่วนใครที่ตอนนี้ รักษาอย่างไรก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร อย่าลืมมาปรึกษาแพทย์ที่ชาเมอร์ คลินิกได้เลยทุกสาขานะคะ
อ่านบทความ แก้ปัญหาใต้ตำคล้ำ BARBIE EYE คลิก
ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
สนใจสอบถามปรึกษาแพทย์/นัดคิว
จองคิวที่📲 call center 085-9192768
🦋 สาขารัชดา (MRTรัชดาภิเษก) โทร 094-5598748
🦋 สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
🦋 สาขาเพชรเกษม 81 โทร 095-058-3666
🦋 สาขารังสิต (ตรงข้ามฟิวเจอร์พาร์ค) โทร 094-696-5322
🦋 สาขา สุขุมวิท39 (ตึก Bio House) โทร 093-241-4969
🦋 สาขา ราชพฤกษ์ (The Walk ) โทร 081-444-6395
Click to rate this post!
[Total: 1 Average: 5]