เมื่อเราอายุมากขึ้นปริมาณคอลลาเจนในร่างกายจะลดลง ทำให้ใบหน้าของเราเกิดความหย่อนคล้อย ไม่กระชับเหี่ยวขาดน้ำ หรือดูไม่อ่อนเยาว์ ซึ่งอาจจะมาจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งอายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมหรือการใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นเอง ในบทความนี้จะบอกถึงหลักการทำงานของ Collagen Biostimulator ว่าคืออะไรและมีการทำงานอย่างไร และมีสารประกอบชนิดใดบ้าง
Collagen มีกี่ชนิด มีอะไรบ้าง
คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งที่ร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นเอง พบได้มากในเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น ผิวหนัง กระดูก เอ็น กล้ามเนื้อ และเส้นเลือด ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของเนื้อเยื่อเหล่านี้ ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และชุ่มชื้น
Collagen ในร่างกายของเราจะมีทั้งหมด 5 ชนิด คือ
-
Collagen Type I : เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกายถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด ส่วนมากพบในผิวหนังกระดูก เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกัน ช่วยให้ผิวหนังของเรามีความยืดหยุ่น และแข็งแรง
-
Collagen Type II : จะพบในกระดูกอ่อน ข้อต่อ ช่วยให้ข้อต่อมีความยืดยุ่น รองรับแรงกระแทก
-
Collagen Type III : จะพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ หลอดเลือด ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แข็งแรง
-
Collagen Type IV : จะพบในฐานของหนังกำพร้า ช่วยให้ผิวหนังยึดเกาะกับชั้นหนังแท้
-
Collagen Type V : จะพบในเส้นผม รก เลนส์ตา ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม
Collagen Biostimulator คืออะไร ?
Collagen Biostimulator (คอลลาเจน ไบโอสติมูเลเตอร์) หรือสารที่ทุกคนเรียกว่า สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสาร Collagen Biostimulator เป็นนวัตรกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาคอลลาเจนที่สูญเสียไปในช่วงอายุที่มากขึ้น โดยจะทำหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจน ผลิตคอลลาเจนใหม่ขึ้นมา ดูเต็มขึ้น อิ่มฟูขึ้น ช่วกระชับผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกครั้ง
Collagen Biostimulator ประกอบด้วยสารชนิดใดบ้าง?
1. สาร PDO (Polydioxanone)
เป็นสารสังเคราะห์ชนิดหนึ่ง ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งนิยมนำมาใช้ในทางการแพทย์ในการเย็บแผลผ่าตัดภายในร่างกาย และได้มีการนำมาพัฒนาในวงการเสริมมความงามนั้นก็คื อ การร้อยไหม เพื่อปรับรูปหน้า ช่วยให้หน้ายกกระชับมากยิ่งขึ้น และได้ถูกนำมาพัฒนาต่อเป็นลักษณะของไหมน้ำ ที่ช่วยฉีดกระตุ้นคอลาเจนใต้ชั้นผิว
2. สารPCL (Polycarpolactone)
เป็นสาร Polymer ชนิดโมเลกุลใหญ่ ที่ถูกนำมาใช้ในการกระตุ้นคอลลาเจนในรูปแบบต่างๆในวงการเสริมความงาม ไม่ว่าจะเป็นการร้อยไหมยกกระชับ, การร้อยไหมเติมเต็มร่องลึก หรือการนำมาใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และ อีลาสติน ให้กับชั้นผิว สารPCL มีจุดเด่นคือการอุ้มน้ำ และ กระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดอย่าง Fiboblast ให้สามารถสร้างคอลลาเจนได้อย่างดี สารPCLจะสลายได้ด้วยเอนไซน์ในร่างกาย ดังนั้นจะไม่มีการตกค้าง แต่อาจจะพบผลข้างเคียงในเรื่องของการบวมได้ภายใน 3-7 วันหลังจากการฉีด ถ้าฉีดต่อเนื่องติดกัน 3 ครั้งจะคงผลลัพธ์ได้นานถึง 24 เดือน
3. สารPLLA (Poly-L-Lactic-Acid)
เป็น Collagen Biostimulator ตัวแรกที่ถูกนำมาใช้ โดยแบรนด์ที่ได้นำมาใช้นั้นก็คือแบรนด์ Sculptra โดยสาร PLLA เป็นหนึ่งในวัสดุที่ใช้ไหมเส้นที่ใช้ในการร้อยไหม ซึ่งถูกนำมาพัฒนาให้กลายมาเป็นลักษณะผงในแบบที่เรียกว่า PLLA Powder และก่อนการทำการฉีดจะต้องมีการผสมกับ sterile water ก่อนการฉีดเข้าใต้ชั้นผิวหนัง สาร PLLA มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นใต้ผิว เพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่อเราอายุมากขึ้น ทำให้ผิวกลับมาดูเต่งตึงขึ้น มีความอิ่มฟูมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์
4. สาร PDLLA (Poly DL-Latic Acid)
เป็นสารที่พัฒนามาจากไหมน้ำ PLLA จากลักษณะแบบผงกลายเป็นเม็ดทรงกลม เพราะเมื่อเราทำการฉีดตัวยาเข้าไปใต้ผิวของเราจะเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ในระนาบเดียวกัน ทำให้ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน เป็นไหมน้ำตัวแรกที่ฉีดบริเวณใต้ตาและร่องแก้มได้ ไม่ต้องนวดๆคลึงๆ
อีกทั้งยังสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติและได้รับการพัฒนาให้มีอนุภาคที่มีลักษณะเป็นทรงกลม ที่เรียกว่า Microsphere เป็นอนุภาคที่มีรูพรุนทั้งผิวด้านนอกและภายในอนุภาค โดยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยของตัวยา เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อช่วยเติมเต็มใบหน้า และช่วยยกกระชับใบหน้าให้มีความตึงขึ้น ไม่หย่อนคล้อย และช่วยยกกระชับใบหน้าได้
หลักการทำงานของ Collagen Biostimulator
โดยหลักการของการทำงานของ Collagen Biostimulator จะมีดังนี้
-
ระยะแรก หลังจากการทำการฉีดเข้าไปในชั้นใต้ผิว จะเกิดการขยายตัวของชั้นผิว เพิ่อเติมเต็มในเวณที่ฉีดให้มีความอิ่มฟูมากขึ้น
-
ระยะสอง หลังจากฉีดได้ครบ 7 วัน จะเกิดการกระจายตัวของ Collagen Biostimulator และสารประกอบร่วม ในบริเวณชั้นผิวใกล้เคียงกับบริเวณที่ฉีด อาจมีการขยายวอลลุ่ม หรือที่เรียกกันว่า Skin Distension ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกว่ามีอาการบวมได้ในช่วง 7 วันหลังจากการฉีด
-
ระยะสาม หลังจากฉีดได้ครบ 90 วัน หรือ 3 เดือน สารประกอบต่างๆในตัวยา จะเริ่มถูกดูดซับซึ่งสังเกตุได้จากการบวมที่ลดลง โดยที่ตัว Collagen Biostimulator จะทำหน้าที่ดึงนำเซลล์ต้นกำเนิด ที่เรียกว่า Fiboblast ทำหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจนใหม่ให้เกิดขึ้นในชั้นผิว
Collagen Biostimulator ช่วยเรื่องอะไร ?
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน : ผลลัพธ์หลักของ Collagen Biostimulator คือการกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน กระชับ เต่งตึง รูขุมขนเล็กลง และริ้วรอยดูตื้นขึ้น
-
ยกกระชับใบหน้า : เมื่อผิวมีคอลลาเจนมากขึ้น ผิวจะดูเรียบเนียน กระชับ เต่งตึง ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูยกกระชับ
-
ปรับรูปหน้า : Collagen Biostimulator สามารถใช้เพื่อปรับรูปหน้า เช่น เติมเต็มขมับ เสริมคาง
-
กระชับรูขุมขน : เมื่อผิวของเรามี Collagen มากขึ้น จะทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
-
ผิวกระจ่างใส : Collagen Biostimulator บางสูตรมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใส
Collagen Biostimulator เหมาะกับใคร ?
-
ผิวหย่อนคล้อย : เหมาะสำหรับบุคคลที่อายุ 30+ ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ต้องการยกกระชับใบหน้า
-
มีริ้วรอย : เหมาะสำหรับบุคคลที่มีริ้วรอยตื้น ร่องลึก ต้องการให้ผิวเรียบเนียน ริ้วรอยดูตื้นขึ้น
-
ต้องการปรับรูปหน้า : เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น เติมเต็มขมับ ยกกระชับ
-
รูขุมขนกว้าง : เหมาะสำหรับบุคคลที่มีรูขุมขนกว้าง ต้องการให้รูขุมขนเล็กลง
-
ผิวหมองคล้ำ : Collagen Biostimulator บางสูตรมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ ทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใส
Collagen Biostimulator มีข้อดีอย่างไร ?
-
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน : ซึ่งเป็นกลไกหลักของ Collagen Biostimulator ช่วยให้ผิวมีคอลลาเจนมากขึ้น ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน กระชับ เต่งตึง รูขุมขนเล็กลง และริ้วรอยดูตื้นขึ้น
-
ผลลัพธ์ยาวนาน : ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏหลังฉีดประมาณ 4-8 สัปดาห์ และคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของ Collagen Biostimulator และสภาพผิว
-
เห็นผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ : Collagen Biostimulator ค่อยๆ กระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลลัพธ์จึงดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง หรือเป็นก้อน
-
ฟื้นตัวเร็ว : หลังฉีดสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อาจมีรอยบวมแดง รอยเข็ม รอยช้ำเล็กน้อย แต่สามารถหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
Collagen Biostimulator มีข้อเสียอย่างไร ?
-
ผลข้างเคียง : อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น รอยเข็ม รอยช้ำ บวม แดง คัน อาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ ในบางรายอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น การติดเชื้อ อาการแพ้ ควรหยุดฉีดและปรึกษาแพทย์ทันที
-
ราคาค่อนข้างสูง : มีราคาค่อนข้างสูง ขึ้นอยู่กับชนิดของ Collagen Biostimulator คลินิก และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
-
ผลลัพธ์ไม่อยู่ถาวร : ผลลัพธ์ของ Collagen Biostimulator จะค่อยๆ จางลงตามเวลา จำเป็นต้องฉีดซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์
สำหรับบุคคลที่ผิวขาดคอลลาเจน มีผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ต้องการยกกระชับใบหน้า Collagen Biostimulator ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัณหาเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนทำการฉีด ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจฉีด เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับสภาพผิวของคุณทุกครั้ง และควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีใบรองรับมาตรฐาน ผ่านการรับรอง และน่าเชื่อถือ”
Review จากผู้ใ้ช้บริการ
คลิกอ่านเกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่
-
โปรแกรม 50+ เปลี่ยนลุคให้หน้าดูอ่อนเยาว์ https://bit.ly/4ejGwRi
-
วัย 30+ มีริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย เริ่มทำหัตถการอะไรดี https://bit.ly/3X3uuow
-
โปรแกรม ฟิลเลอร์ HYAFILIA (ไฮยาฟิเลีย) ฟิลเลอร์ตัวดังราคาเบา เกรดพรีเมี่ยม https://bit.ly/4bYMwgq
-
โปรแกรม Aesthefill กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ https://bit.ly/3XbklXw
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกยี่ห้อไหนดี ? https://bit.ly/3i39sjD
-
Filler (ฟิลเลอร์) เติมเต็มร่องแก้ม หรือ คาง ใต้ตา https://bit.ly/3xlRmoT
-
10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา https://bit.ly/3Wy9GW5
ฝากกดติดตามสาระดีๆเกี่ยวกับความงาม
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]