สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าไม่กระชับ มีไขมันส่วนเกินเยอะจนขาดความมั่นใจ บอกเลยว่าไม่ต้องกังวลใจไป เพราะปัจจุบันสามารถแก้ไขให้หายได้แบบไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้เครื่อง Oligio ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตัวใหม่ล่าสุดจากเกาหลี ที่เน้นในเรื่องการรักษาผิวให้กลับมาเนียนเด้งกระชับโดยเฉพาะ และในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักแบบเจาะลึกถึงเจ้าเครื่องนี้กัน มาดูกันว่า Oligio ดีไหม ใครใช้ได้บ้าง และควรเลือกทำที่ไหนที่ปลอดภัยที่สุด?
ทำความรู้จัก Oligio คือ อะไร?

เครื่องยกกระชับผิว Oligio คือ อะไร
Oligio คือ เทคโนโลยีตัวใหม่ล่าสุดจากประเทศเกาหลีใต้ ช่วยยกกระชับผิวหน้า กระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน และมีความเต่งตึงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวให้ดูตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุ ( Radio Frequency – RF ) แบบ Monopolar RF ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในระดับสากล
Oligio ช่วยอะไร มีประโยชน์ในการรักษาอย่างไร?
Oligio เป็น เครื่องยกกระชับผิวหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยปรับรูปหน้าให้ยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ รูปหน้าเรียวสวยขึ้นได้ ลดไขมันใต้ชั้นผิว และนอกจากนี้ก็ยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยร่องตื้นต่างๆ พร้อมกระชับรูขุมขน ฟื้นฟูโครงสร้างภายในผิวให้แข็งแรง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูกระชับเต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Oligio เครื่องยกกระชับผิวหน้า ทำส่วนไหนได้บ้าง?
โอลิจิโอ สามารถทำได้ทั่วใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น ผิวหน้า รอบดวงตา กรอบหน้า เหนียง และใต้คาง
- รอบลำคอ
- หน้าท้อง
- ต้นแขน
Oligio เหมาะกับใครบ้าง?

Oligio เหมาะกับใคร?

Oligio เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยต่างๆ และผิวเริ่มหย่อนคล้อยจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาคางสองชั้น และกรอบหน้าไม่ชัด
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขน ต้องการกระชับรูขุมขน ให้ผิวเรียบเนียน
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิว โดยไม่ใช้สารเติมเต็ม หรือการศัลยกรรม
- ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึก
- ผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าเล็กลง ดู v shape ชัดมากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาเหนียง เครื่องนี้จะช่วย ลดไขมันสะสมใต้คางได้
- ผู้ที่มีปัญหาเปลือกตาเริ่มตก หนังตาตก ต้องการกระชับเปลือกตา และยกคิ้วขึ้น
- ผู้ที่มุมปากตก และมีริ้วรอยในระยะเริ่มต้น
ก่อนทำ Oligio ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
- หลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นๆ บริเวณที่จะทำ โอลิจิโอ อย่างน้อย 2 อาทิตย์
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว หรือส่งผลให้ผิวบางลง
หลังทำ Oligio ต้องดูแลตัวเองอย่างไร?
หลังจากการ รักษา Oligio อาจมีอาการผิวอมชมพูเล็กน้อย ซึ่งสามารถหายเองได้ภายใน 1 ชั่วโมง และสามารถแต่งหน้า หรือทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ
Q & A คำถาม Oligio ที่พบบ่อย
ทำ Oligio เจ็บไหม รู้สึกอย่างไร?
การทำ Oligio จะมีความรู้สึกอุ่นๆ ไปจนถึงร้อน เพราะการสะสมพลังงานใต้ผิวชั้นลึก โดยมีอุณหภูมิสูงประมาณ 43 องศา เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งหลังจากที่ทำเสร็จสีผิวอาจมีความอมชมพูเล็กน้อย แต่ไม่มีแผล และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
Oligio ใช้ระยะเวลาในการทำนานไหม?
การรักษา Oligio จะใช้เวลาประมาณ 30 นาทีในการทำ ไม่รวมเวลาทายาชา แต่ทั้งนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับจำนวนช็อตที่ใช้งานด้วย
ผลลัพธ์หลังการ รักษา Oligio อยู่ได้กี่เดือน?
สำหรับผลลัพธ์การทำ Oligio จะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี แต่ทั้งนี้ก็อาจขึ้นอยู่กับช่วงอายุ ปัญหาผิว สภาพผิวเดิม การดูแลตัวเองหลังทำ และปัจจัยภายนอกอื่นๆ ด้วย
Oligio VS. Ultraformer
Ultraformer หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็น เครื่องยกกระชับผิวหน้า โดยใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 – 1 มิลลิเมตร สำหรับความแตกต่างระหว่าง Oligio กับ Ultraformer มีดังนี้
Ultraformer ทำงานโดยส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ลงไปถึงผิวหนังชั้นลึก SMAS แต่ยังขาดความแม่นยำ เพราะไม่ได้มองเห็นระบบทั้งหมดเหมือนกับตัว Oligio ที่เน้นการส่งพลังงานลงไปยังชั้นหนังแท้ และส่วนที่มีไขมันเยอะ โดยไม่ต้องใช้ระบบสแกนและยังมองเห็นได้ชัด
Ultraformer จะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขณะที่ทำ แต่ตัว Oligio จะไม่รู้สึกเจ็บใดๆ มีแค่ความรู้สึกอุ่นไปจนถึงร้อน เพราะตัวเครื่องมีระบบการทำความเย็น ทำให้รู้สึกชิวล์มากกว่า
หากเปรียบเทียบ เครื่องยกกระชับผิวหน้า ในงบประมาณที่ไม่แตกต่างกัน การ รักษา Oligio ถือเป็นโปรแกรมรักษาผิวที่น่าลงทุนมากกว่า Ultraformer
Oligio VS. Hifu
HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมยกกระชับผิวตัวดัง โดยตัวอย่างของ HIFU ก็คือการทำ Ultraformer ซึ่งเป็นแบรนด์ของ HIFU เอง โดยทำงานด้วยการส่งคลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูงเช่นกัน ดังนั้นหากเปรียบเทียบระหว่าง Oligio กับ HIFU จึงเหมือนกับการเปรียบเทียบกับ Ultraformer ดังหัวข้างข้างต้น
Oligio VS. Thermage
Thermage คือ นวัตกรรมยกกระชับผิว และ ลดไขมัน ทำงานโดยใช้พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุ Monopolar RF เช่นเดียวกับตัว Oligio แต่ยังคงมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้
Thermage จะใช้ค่าพลังงานในการรักษาที่สูงกว่า ทำให้อุณหภูมิใต้ผิวสูงกว่า จึงสามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้มากกว่า
Thermage เป็นหัตการที่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา เนื่องจากหลังการเปิดใช้หัวทิปจะต้องทำให้เสร็จภายในเวลา 2 ชั่วโมง แต่โดยทั่วไปแล้วใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงในการทำ ทำให้ไม่สามารถแบ่งหัวทิปได้ และยังต้องทำให้ครบตามจำนวนช็อตใน 1 หัว เช่น 900 shot เป็นต้น ส่วนตัว Oligio ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของเวลา สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และโดยทั่วไปจะใช้เวลาในการรักษาไม่เกิน 30 นาที นอกจากนี้ก็ยังสามารถเลือกจำนวนช็อตตามปัญหาผิว และงบประมาณได้อีกด้วย
Thermage จำเป็นต้องทายาชาก่อน เพราะอาจมีความรู้สึกอุ่นๆ และเจ็บเล็กน้อยในขณะที่ทำ แต่ตัว Oligio จะทา หรือไม่ต้องทายาชาก็ได้ เพราะเครื่องมีระบบทำความเย็นในตัว ทำให้รู้สึกสบายผิวมากกว่า
โดยสรุปแล้วตัว Oligio และ Thermage ใช้พลังงานตัวเดียวกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่ความแรง และความลึกของคลื่นพลังงาน โดยตัว Thermage อาจมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า แต่ก็มีราคาที่สูงกว่าเช่นกัน ในขณะที่ตัว โอลิจิโอ ราคาถูกกว่า ต้องทำบ่อย และเหมาะกับคนที่มีปัญหาน้อยกว่า
Oligio ที่ไหนดี ยกกระชับผิวตรงใจ เน้นความปลอดภัยที่สุด
สำหรับผู้ที่สนใจรักษาปัญหาผิวด้วยเทคโนโลยี Oligio แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกทำกับคลินิกไหนดี ลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Charmer Clinic ได้ เพราะที่นี่ได้ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเครื่องมือแท้ที่ทันสมัยได้มาตรฐาน โดยแพทย์สามารถให้คำปรึกษาและแนะนำตามปัญหาผิวของแต่ละคนได้ เพื่อการรักษาที่ตรงจุด นอกจากนี้ก็ยังมี Oligio รีวิว ของทางคลินิก ซึ่งสามารถเช็คได้ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการเข้ารับบริการ
คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง ที่นี่!
🔷มัดรวม หัตถการงานผิว Glass Skin เติมผิวใสฉ่ำวาวสุขภาพดีแบบสาวเกาหลี คลิกอ่านบทความ! กลาสสกิน
🔷เคล็ดลับสูตรผิวใสสุขภาพดี Signature Skin Booster IV Drip คลิกอ่านบทความ! Skin Booster IV Drip
🔷ฉีดวิตามินผิว ช่วยให้ผิวขาว ที่ไหนดี คลิกอ่านบทความ! ฉีดวิตามินผิว ที่ไหนดี
ติตตามสาระความงามทุกช่องทางมีเดียจาก Charmer Clinic ที่นี่!
กดติดตามเพจ FB คลิกเลย! FB Charmer Clinic
กดติดตาม Tiktok คลิกเลย! Tiktok Charmer Clinic
กดติตตามช่อง Youtube คลิกเลย! Youtube Charmer Clinic
กดติดตาม IG คลิกเลย! IG Charmer Clinic
กดติดตาม Twitter คลิกเลย! Twitter Charmer Clinic
กดอ่านบทความสาระความงามอัพเดทใหม่ๆ คลิกเลย! บทความ Charmer Clinic