ฟิลเลอร์ใต้ตา กลายเป็นหนึ่งในหัตถการยอดนิยมสำหรับการแก้ปัญหาผิวรอบดวงตาที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์ชัดเจน แต่ด้วยความที่เป็นทางการแพทย์ หลายคนจึงมีความกังวลและข้อสงสัยมากมาย บทความนี้จึงรวบรวม 10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับฟิลเลอร์ใต้ตา พร้อมคำตอบที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?
ฟิลเลอร์ใต้ตา หมายถึง การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณใต้ดวงตาเพื่อเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย ช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น ดูอิ่มฟูมากขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดเลือนปัญหาริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาดำ ถุงใต้ตา
2. ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร?
-
บุคคลที่มี ร่องใต้ตาลึก
-
บุคคลที่มี ใต้ตาดำ คล้ำ
-
บุคคลที่มี ต้องการปรับมิติใบหน้า เพิ่มความละมุน
-
บุคคลที่มี ตาโหล เบ้าตาลึก
-
บุคคลที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยใต้ตา
-
บุคคลที่ต้องการฟื้นฟูผิวรอบดวงตาให้ดูสดใส อ่อนเยาว์
3. ฟิลเลอร์สามารถฉีดใต้ตาได้จริงไหม?
ฟิลเลอร์สามารถฉีดใต้ตาได้จริง ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นวิธีการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้ดวงตาดูสดใส เติมเต็มอ่อนเยาว์ขึ้น ทั้งนี้ในการเลือกฉีดควรทำโดยคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และฟิลเลอร์ต้องได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย.
4. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรใช้กี่ CC ? ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยปกติทั่วไปแล้วจะใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 1-3 CC การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนมากหรือน้อยแตกต่างกัน และในส่วนของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ปกติจะอยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
5. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เจ็บไหม ? ต้องใช้ยาชาหรือไม่?
ก่อนฉีดจะมีการแปะยาชา และแพทย์จะทำการฉีดยาชาให้ เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม ซึ่งเนื้อฟิลเลอร์บางยี่ห้อจะมียาชา(Lidocaine) ผสมอยู่ด้วย ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ขณะฉีดมีความรู้สึกเจ็บน้อยลงมาก จนแทบไม่รู้สึกเลย หากคนไข้ที่กลัวเจ็บหรือมีความรู้สึกกลัวเข็ม สามารถสบายใจได้ เพราะแพทย์ที่มีประสบการณ์จะรู้เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความเจ็บน้อยและบวมช้ำน้อยที่สุด
6. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เห็นผลเลยไหม ? ฉีดแล้วบวมกี่วัน ?
ผลลัพธ์ของหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที หลังฉีดเสร็จเนื้อฟิลเลอร์จะไม่กลืนกับผิวเต็มที่ จะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้เนื้อฟิลเลอร์กลืนกับผิวและผลลัพธ์ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ ส่วนอาการบวมช้ำหลังฉีดเกิดขึ้นได้เนื่องจากช้ำเข็มจะมีอาการบวมช้ำจากเข็มหลังฉีดไป 3 – 5 วันเป็นเรื่องปกติ และจะลดลงโดยธรรมชาติ
7. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอันตรายไหม? ผลข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทั่วไปไม่ถือว่าอันตราย แต่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย
-
รอยช้ำหรือบวม: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด มักเกิดขึ้นภายใน 1-2 วันหลังฉีด และจะค่อยๆ หายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์
-
อาการชาหรือแสบเล็กน้อย: อาจรู้สึกชาหรือแสบบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
-
รอยเข็ม: อาจมีรอยเข็มเล็กๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ มักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย
-
การติดเชื้อ: อาจเกิดการติดเชื้อได้หากไม่ดูแลรักษาความสะอาดหลังฉีดฟิลเลอร์
-
ก้อนฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์อาจจับตัวเป็นก้อนได้ หากฉีดฟิลเลอร์ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากการวางเนื้อฟิลเลอร์ที่ผิดชั้นผิว แพทย์ไม่มีประสบการณ์ หรือใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
-
ฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด /ตาบอด: เป็นผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุด เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่มีความเสี่ยงสูงหากฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแดง
ดังนั้นควรเลือกแพทย์ที่มีรายชื่ออยู่ในแพทย์สภาและสามารถตรวจสอบรายชื่อได้ รวมถึงมีประสบการณ์ในการฉีด และได้รับการเทรนด์จากบริษัทยามากมาย
8. ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ตาบอด จริงไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีโอกาสทำให้ตาบอดได้จริงแต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ หากคนไข้เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ได้มาตรฐาน และใช้ฟิลเลอร์แท้ รวมถึงการเลือกหมอที่มีประสบการณ์ในการใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้
สาเหตุของการตาบอดจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีดังนี้
-
การฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือดแดง: โดยทั่วไป แพทย์จะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณใต้ตาโดยใช้เข็มขนาดเล็ก แต่หากเข็มไปโดนเส้นเลือดแดงโดยตรง ฟิลเลอร์อาจไหลย้อนกลับไปอุดตันหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงจอประสาทตา (Central Retinal Artery) ส่งผลให้สูญเสียการมองเห็นได้ทันที
-
การฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป: การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณมาก อาจทำให้ฟิลเลอร์ไหลไปอุดตันหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงจอประสาทตาได้เช่นกัน
-
การใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน: ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีสิ่งปนเปื้อนหรือสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อดวงตา
9. หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามกินอะไรบ้าง ? กินปลาร้าได้ไหม ?
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรงดอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท ได้แก่ อาหารหมักดอง รสจัด เผ็ดจัด เค็มจัดหรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง การดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่ไม่สุก อาหารเสริมบางชนิด เป็นต้น เพราะอาจจะส่งผลต่อการอักเสบ บวม และทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้าในระยะ 14 วันหลังทำ (หรือย่างน้อยก็ควรงด 48 ชม.)
10. ถ้าฟิลเลอร์สลายหมด ใต้ตาจะกลับมาคล้ำเหมือนเดิมไหม ?
หากฟิลเลอร์ใต้ตามีการสลายหมดแล้วใต้ตาจะคืนสภาพเดิม แต่ละไม่ลึกหรือปัญหาเยอะกว่าเดิม ใต้ตาจะดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะฟิลเลอร์จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น แต่หากคนไข้ยังมีพฤติกรรมที่กระตุ้น อย่างการนอนดึก หรือชอบขยี้ตา ใต้ตาก็มีโอกาสที่จะกลับมาคล้ำเหมือนเดิมได้
ฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาต่างๆ และต้องการใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ลง อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของฟิลเลอร์ การใช้ฟิลเลอร์แท้ได้มาตรฐาน ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ ประสบการณ์ของแพทย์ ความน่าเชื่อถือของคลินิก และการดูแลหลังฉีด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาทุกครั้ง ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด รวมถึงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
Review จากผู้ใช้บริการ
คลิกอ่านเกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่
-
โปรแกรม HYAFILIA (ไฮยาฟิเลีย) ฟิลเลอร์ตัวดังราคาเบา เกรดพรีเมี่ยม https://bit.ly/4bYMwgq
-
โปรแกรม ฟิลเลอร์เกาหลี VS ฟิลเลอร์อเมริกา แบบไหนดี และต่างกันอย่างไร https://bit.ly/3VvJQ3g
-
โปรแกรม ไหมน้ำ VS ฟิลเลอร์ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับผิวหน้าของเรา https://bit.ly/4elYsKW
-
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เลือกยี่ห้อไหนดี ? https://bit.ly/3i39sjD
-
Filler (ฟิลเลอร์) เติมเต็มร่องแก้ม หรือ คาง ใต้ตา https://bit.ly/3xlRmoT
-
เช็คก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี https://bit.ly/3c1T4v8
-
ฟิลเลอร์ (Filler) ใต้ตา บอกลาใต้ตาคล้ำ ร่องลึก แก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุด https://bit.ly/3TD0wF0