การดำคล้ำ ของรักแร้ ข้อพับและขาหนีบ นั้นสามารถเกิดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง เลยทำให้เกิดความไม่มั่นใจในเวลาแต่งตัวหรือการใส่ชุดว่ายน้ำในบางครั้ง ซึ่งปัญหานี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น การเสียดสีของเสื้อผ้าเป็นระยะเวลานานจนทำให้เกิดเป็นรอยคล้ำได้ หรือการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป รวมถึงฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ เป็นต้น แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะปัญหาเหล่านี้..มีวิธีทางแก้ ทั้งแบบธรรมชาติ และ แบบเร่งด่วน มาแนะนำกันเลย
สาเหตุของการเกิดความคล้ำ มีอะไรบ้าง
1.การเสียดสี
-
การเสียดสีระหว่างผิวหนังกับเสื้อผ้า กางเกง หรือแม้แต่ผิวหนังบริเวณขาหนีบที่เสียดสีกันเอง
-
มักพบในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือผู้ที่มีรูปร่างอวบ
2.การสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว
-
เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสม ไม่ได้ผลัดเซลล์ผิว
-
ทำให้ผิวหนังบริเวณข้อพับและขาหนีบดูคล้ำ
3.ฮอร์โมน
-
ฮอร์โมนบางชนิด เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน
-
กระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีเมลานินผลิตเม็ดสีมากขึ้น
-
ทำให้ผิวหนังบริเวณข้อพับและขาหนีบดูคล้ำ
4. พันธุกรรม
-
พันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสีเมลานิน
-
ผู้ที่มีกรรมพันธุ์ผิวคล้ำ
-
มีโอกาสเกิดข้อพับดำ ขาหนีบดำได้มากกว่า
5.โรคประจำตัว
-
โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์
-
ส่งผลต่อการผลิตเม็ดสีเมลานิน
-
ทำให้ผิวหนังบริเวณข้อพับและขาหนีบดูคล้ำ
6.แสงแดด
-
รังสี UV จากแสงแดด
-
กระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีเมลานินผลิตเม็ดสีมากขึ้น
-
ทำให้ผิวหนังบริเวณข้อพับและขาหนีบดูคล้ำ
วิธีแก้ รักแร้ดำ ข้อพับดำ ขาหนีบดำ มีอะไรบ้าง
แบบธรรมชาติ
1.ทาครีมแก้ รักแร้ดำ ข้อพับดำ ขาหนีบดำ
การทาครีมบำรุงผิวเฉพาะจุดอาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยรักษาแก้ข้อพับดำ ขาหนีบดำ โดยครีมต้องมีส่วนผสมจากไวเทนนิ่งและวิตามินอี โดยต้องทาเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
-
ข้อดี : ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและเห็นผลระยะยาว
-
ข้อเสีย : อาจจะใช้ระยะเวลานานถึงจะเห็นผลลัพธ์ได้ดี
2.ใช้สมุนไพรขัดผิว หรือ การสครับผิว
การขัดผิว หรือ การสครับผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตาย บริเวณข้อพับหรือตรงบริเวณที่ขาหนีบดำ จะช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น โดยการสครับผิวอาจทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง สูตรสครับผิวที่เรานำมาแนะนำ ก็จะมี
-
สูตรมะขามเปียกผสมกับน้ำผึ้ง โดยสูตรนี้ทาทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที แล้วล้างออก
-
สูตรขมิ้นผง มะขามเปียก และนมสด นำมาผสมกันแล้วนำไปขัดวนบริเวณขาหนีบทั้งสองข้างเบาๆ
ข้อดี : การสครับผิวมาจากวัตถุดิฐธรรมชาติที่เราสามารถหาได้ง่าย
ข้อเสีย: ไม่เหมาะสำหรับคนแพ้ง่าย เพราะบางสูตรการผสมกันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้
3.ออกกำลังกาย หรือ ลดน้ำหนัก
ความอ้วน เป็นปัจจัยหนึ่งของการทำให้เกิดขาหนีบดำรวมถึงข้อพับดำ เพราะการที่เรามีน้ำหนักตัวที่มากขึ้นก็จะทำให้เกิดการเสียดสีจากการใส่เสื้อผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการทำให้เกิดขาหนีบดำ เพราะฉะนั้นแล้วเราควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยกกระชับทุกส่วนในร่างกายและเพื่อให้ลดการเสียดสีตรงบริเวณขาหนีบอีกด้วย
-
ข้อดี : ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง และช่วยลดการเกิดการเสียดสีของผิวอีกด้วย
-
ข้อเสีย : เห็นผลช้าและหากหยุดทำอาจทำให้ร่างกายไม่กระชับ
4.หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงรัดรูป
การใส่กางเกงรัดรูป หรือ ขอบกางเกงที่รัดแน่นจนเกินไปอาจจะทำให้ขาหนีบของเราดำได้ ยกตัวอย่างเช่น การที่เราใส่กางเกงในตลอดวันมีมีความรัดแน่นก็อาจจะทำให้เกิดการเสียดสีเพราะฉะนั้นตอนเรานอน เราเลยควรต้องใส่กางเกงนอนที่มีความสบาย ระบายอากาศได้ดี และต้องไม่รัดแน่นจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดการเสียดสีได้น้อยลง
-
ข้อดี : ช่วยให้ขาหนีบมีความคล้ำน้อยลง
-
ข้อเสีย : บางครั้งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
แบบเร่งด่วน
การใช้เครื่องมือเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การยิงลดรอยดำ คล้ำ ลดเม็ดสีด้วยเครื่องเลเซอร์ (Laser)
เครื่องเลเซอร์มีกี่แบบ อะไรบ้าง?
หลักๆของตัวเลเซอร์ที่หลายๆคนรู้จักก็จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ
1.Pico Laser
เครื่อง Pico Laser หลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Second ,Sure,Discovery,Smart Plus,Way, และ 4HD Laser การทำงานของ Pico Laser จะทำการปล่อยพลังงานคลื่นแสงที่จะยิงตรงเข้าสู่ชั้นใต้ผิวหนัง ด้วยความเร็วสูงสุดในจำนวน 1 ล้านล้านต่อวินาที / ครั้ง ความเร็วระดับนี้จะไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสมใต้ผิว เพราะคลื่นความร้อนที่ส่งมาจะทำให้เม็ดสีแตกตัวไวและร่างกายจะดูดซับ ช่วยแก้ปัญหาสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ ช่วยลดความคล้ำใต้ผิวให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น
ข้อดี
-
ใช้เวลาในการทำไม่นาน ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
-
ไม่มีรอยแผล อาจจะมีรอยแดงหลังจากการทำเล็กน้อย
-
ใช้จำนวนครั้งรักษาน้อย แต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ข้อเสีย
-
หากยิงเลเซอร์ที่จุดเดิมซ้ำๆอาจทำให้เกิดรอยด่างขาวได้
-
หลังจากการทำอาจทำให้ผิวแห้ง ต้องทาครีมเพื่อช่วยความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
-
หากใช้พลังงานความถี่สูงอาจทำให้เกิดรอยแดงและบวมได้
2.Diode Laser
ไดโอด เลเซอร์ (Diode Laser) เป็นนวัตรกรรมการกำจัดขนและยังมีฟังก์ชั่นช่วยในเรื่องความกระจ่างใสแบบการยิงพลังงานเลเซอร์ลงไปใต้ชั้ยผิวหนัง เพื่อทำลายรากขน ทำให้ขนขึ้นใหม่ช้า โดยตัวเครื่องเลเซฮร์ไดโอด จะมีความยาวคลื่นให้เลือกใช้หลายแบบ มีตั้งแต่ 800-810,940 และ 1,064-1,350 นาโนเมตร ซึ่งปกติที่นิยมใช้กันจะอยู่ที่ 800-810 นาโนเมตร จุดเด่นของไดโอด เลเซอร์คือ การส่งพลังงานได้ถึงผิวชั้นลึก รวมถึงช่วยรักษารูขุมขนอย่างขนคุด และช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์คอลลาเจนที่ใต้ชั้นผิวได้อีกด้วย
ข้อดี
-
เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นคนผิวบอบบาง ผิวคล้ำ หรือผิวแห้ง
-
มีระบบทำความเย็น ซึ่งจะช่วยให้ลดการแสบร้อน หรือเกิดผิวไหม้
-
ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับเลเซอร์รุ่นอื่นๆ
-
ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวดูกระจ่างใส
ข้อเสีย
-
เห็นผลลัพธ์ช้า
-
ต้องทำต่อเนื่อง และซ้ำหลายครั้ง
3.LONG PLUSE ND YAG
เป็นเลเซอร์กำจัดขนที่มีความปลอดภัยสูงและสามารถใช้ได้กับทุกสีผิวเช่นเดียวกัน LONG PLUSE ND YAG ไม่เป็นอันตรายต่อผิว มีความยาวของลำแสงเลเซอร์ถึง 1,064 nm และยังเป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูงโดยเฉพาะแสงที่ถูกออกแบบที่ให้ทำลายรากขนโดยเฉพาะ แต่จะไม่ทำลายผิวหนังบริเวณใกล้เคียงการยิงเลเซอร์ LONG PLUSE ND YAG นั้นจะมี Dynamic Cooling Device ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยก๊าซเย็นออกมา พร้อมๆ กับการทำเลเซอร์ จึงทำให้กับผิวชั้นบนเย็นสบายไม่รู้สึกเจ็บหรือแสบร้อนขณะที่ทำเลเซอร์
ข้อดี
-
เป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัย ผ่าน US-FDA ไม่ทำให้เกิดผิวไหม้ ผิวเบิร์น
-
ช่วยให้ผิมีความเรียบเนียนกระจ่างใสมากขึ้น ช่วยกระชับรูขุมขน
-
ได้ผลลัพธ์ดี ไม่ต้องทำบ่อย 3-4 สัปดาห์ครั้ง
ข้อเสีย
-
อาจมีการระคายเคืองเล็กน้อยหลังจากการทำ แต่ไม่ทำลายผิวชั้นนอก
-
มีความรู้สึกดีดๆเหมือนหนังยางบริเวณที่ผิว
-
ราคาสูงหากเทียบกับเลเซฮร์ตัวอื่นๆ
4.IPL (Intense Pulse Light)
เป็นการใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มข้นสูงไปจับกับเม็ดสีเมลานิน เพื่อรักษาให้ตรงกับปัญหาผิวและช่วยฟื้นฟูบริเวณที่ต้องการ รวมถึงการนำมาใช้ในเรื่องของการกำจัดขนในบริเวณต่างๆ จุดเด่นของ IPL คือเป็นเทคโนโลยีที่มีช่วงความยาวคลื่นกว้าง ทำให้มีการส่งพลังงานกระจายได้ดี มีความอ่อนโยนต่อผิวและเจ็บน้อยกว่าการทำเลเซอร์ และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้โดยไม่ต้องพักฟื้นและมีผลข้างเคียงน้อยอีกด้วย
ข้อดี
-
ช่วยรักษาผิวให้มีความกระจ่างใสขึ้น รวมถึงสามารถช่วยกำจัดขนได้
-
มีลำแสงเข้มข้นน้อยกว่าเลเซอร์ ไม่ทำลายผิวชั้นนอก
-
ช่วยเรื่องลดรอยคล้ำ และรอยแดง
ข้อเสีย
-
เห็นผลช้า ต้องทำการรักษาซ้ำหลายครั้งถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
-
ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวสีคล้ำหรือสีเข้ม
-
พลังงานของ IPL จะไม่สามารถกำจัดขนได้ลึกถึงราก
-
หากทำติดต่อกันมากจนเกินไปอาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น
วิธีการแก้รักแร้ดำ ข้อพับหรือขาหนีบดำ เราต้องรู้ถึงสาเหตุของการเกิดก่อนว่ามาจากอะไร และควรเริ่มต้นแก้ไขง่ายๆจากต้นตอของมันแต่ถ้าหากแก้ไขแล้ว และแก้ตามวิธีธรรมชาติยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ทางชาเมอร์ คลินิกขอแนะนำเป็นโปรแกรมเลเซอร์ ที่เห็นผลไว ใช้เวลาไม่นาน ซึ่งสามารถช่วยอก้ไขปีญหาได้อย่างตรงจุด และทำให้บริเวณข้อพับหรือขาหนีบของเรากลับมาขาวใสได้อย่างแน่นอนค่ะ
Review จากผู้ใช้บริการ
คลิกอ่านเกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ที่
-
PICO4HD LASER พิโค่ เลเซอร์ บอกลารอยดำจากสิว ฝ้า https://bit.ly/3KI9Wv5
-
กำจัดขนด้วยไดโอดเลเซอร์ (DIODE LASER) https://bit.ly/3QWzF7g
-
IPL LASER https://bit.ly/3zlnV7o
-
เช็คก่อนฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี https://bit.ly/3c1T4v8
-
ฟิลเลอร์ (Filler) ใต้ตา บอกลาใต้ตาคล้ำ ร่องลึก แก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุด https://bit.ly/3TD0wF0
-
10 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา https://citly.me/W1Zyq
ฝากกดติดตามสาระดีๆเกี่ยวกับความงาม
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
Click to rate this post!
[Total: 0 Average: 0]