ไม่มีความเห็น

5 ข้อควรรู้ก่อนฉีดโบท๊อกซ์

โบท๊อกซ์ คืออะไร

โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) คือโปรตีนที่ทำการสกัดจากแบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม ( Clostridium botulinum ) ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้จะสร้างสารที่เป็นพิษที่เรียกว่า โบทูลิซึม ( Botulism ) ซึ่งมีพิษต่อมนุษย์ แต่ต่อมาได้มีการวิจัยและทดลองนำมาสกัด เพื่อให้ในการรักษาเรื่องของกล้ามเนื้อหดเกร็ง การชักกระตุกตา หรือตาเข และได้นำมาใช้ด้านความงาม เช่น การฉีดลดริ้วรอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว หรือลดกราม ลดปีกจมูก ลิฟติ้งยกกระชับหน้า

ขั้นตอนการฉีดโบท๊อก
ขั้นตอนการฉีดโบท๊อก

ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์ (botox)
  1. แพทย์ตรวจสอบสภาพผิวและปัญหา ที่จะทำการฉีดโบท็อกซ์ และสอบถามความกังวลบริเวณจุดไหน เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน รวมถึงแนะนำยี่ห้อผลิตภัณฑ์ในการฉีดว่าเป็นยี่ห้อใด

     

  2. พนักงานทายาชาหรือใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่จะฉีดก่อน ลดความเจ็บหรือความกังวลลง

     

  3. แพทย์ทำการฉีดโบท็อกซ์ โดยจะใช้เข็มขนาดเล็กมาก ฉีดสารโบท๊อกซ์ ในปริมาณพอเหมาะตามจุดที่มาร์คไว้ลงไปที่กล้ามเนื้อ เวลาในการฉีดจะประมาณ 10-15 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณที่ฉีด
  4. พนักงานแนะนำการดูแลหลังทำ และนัดติดตามผล

 

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์(botox)
หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้ว แพทย์และพนักงานจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองต่างๆ ซึ่งไม่ยุ่งยาก ได้แก่
  • ไม่นอนราบในช่วง 3-4 ชั่วโมงแรกหลังจากฉีดโบท็อกซ์ เพราะโบท็อกซ์อาจไหลไปในบริเวณที่ไม่ต้องการ

     

  • ให้นอนหงายหนุนหมอนสูง ในคืนแรกของการรักษา

     

  • หลีกเลี่ยงความร้อนต่างๆ เช่น การเซาว์น่า ,เลเซอร์ความร้อนและงดนวดหน้า สปาหน้า บริเวณเพิ่งฉีดโบท็อกซ์มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์

     

  • ไม่นวด กด บีบ คลึง  บริเวณที่เพิ่งทำการฉีดโบท็อกซ์มา เป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากการทำให้ยากระจายไปออกฤทธิ์ยังบริเวณอื่นได้

     

  • อาจมีอาการบวมแดง หรือเขียวช้ำในช่วง 1-2 วันแรกหลังการฉีดโบท็อกซ์ (ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้เนื่องจากเข็มฉีดยา) ให้ใช้น้ำแข็งประคบได้
    โบท๊อกซ์ปลอมทำให้ดื้อโบท๊อกซ์ได้
    โบท๊อกซ์ปลอมทำให้ดื้อโบท๊อกซ์ได้
การดื้อโบท็อกซ์ หรือเคยฉีดแล้วไม่เห็นผล เกิดจากอะไรได้บ้าง 
หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ดื้อโบท็อกซ์” มาก่อน ซึ่งอาการนี้หมายถึง การฉีดโบท็อกซ์แล้วไม่เห็นผลนั่นเอง
โดยมีสาเหตุเนื่องมาจากโปรตีนในสารโบท็อกซ์นั้นมีหลายชนิด ซึ่งเมื่อฉีดเข้าร่างกายไปแล้ว ร่างกายของผู้เข้ารับบริการบางรายจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเพื่อต่อต้านสารโปรตีนดังกล่าว ทำให้การออกฤทธิ์ของสารโบท็อกซ์ไม่เห็นผล ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ขึ้น ได้แก่
  • การใช้โบท็อกซ์ยูนิตที่สูงเกินไป มากเกินความจำเป็นก็สามารถทำให้ดื้อ โบท๊อกซ์ได้
  • การฉีดโบท็อกซ์ที่ถี่เกินไป  บางคนไปฉีดทุกเดือน ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะจะเป็นสาเหตุหลักๆเลยที่ทำให้เกิดการดื้อโบท๊อกซ์
  • การใช้โบท๊อกซ์ที่ไม่ได้มาตฐาน ยาหิ้วที่อาจจะรักษาความเย็นไม่ได้ หรือผลิตจากแหล่งที่มาไม่แน่นอน ก็ทำให้เกิดการดื้อโบท๊อกซ์หรือฉีดแล้วไม่เห็นผลได้
ดังนั้น ผู้เข้ารับบริการจึงควรฉีดโบท็อกซ์ควรฉีดในปริมาณที่เหมาะสม และควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4-6 เดือนตามบริษัทกำหนด เพื่อลดความเสี่ยงการดื้อยา ซึ่งหากโบท๊อกซ์ที่เราใช้ผสมยาตามมาตฐานแล้ว สามารถอยู่ได้ 4-6 เดือน ยกเว้นมีการเจือจางโบท๊อกซ์ทำให้อยู่ได้ไม่นาน 
การแก้ไขปัญหาเมื่อคนไข้เกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ขึ้น
  • ให้เว้นระยะเวลาการฉีดออกไปก่อน เพื่อให้ร่างกายได้สลายสารสกัดโปรตีนออกให้หมด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปีแล้วค่อยกลับมาฉีดใหม่
  • ใช้สาร โบท๊อกซ์ TYPE อื่น(ในปัจจุบันที่ใช้ส่วนมากจะเป็น TYPE A )อาจจะต้องเปลี่ยนเป็น type B แต่ราคาจะสูงและหาซื้อยาก
ทางที่ดีเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผ่านอย และผสมยาตามมาตฐาน คลิกอ่านบทความ 7 ยี่ห้อโบท๊อกซ์ผ่านอยไทย https://bit.ly/31qHtCl
ข้อควรระวังและผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้หลังฉีดโบท็อกซ์
โดยส่วนมาก การฉีดโบท็อกซ์มักไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายร้ายแรง หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงมีการเว้นระยะการฉีดไปไม่ต่ำกว่า 4 เดือน แต่ก็มียกเว้นคนที่มีโรคประจำตัวหรือภาวะบางอย่างไม่ควรฉีดโบท๊อกซ์
  • ผู้มีความผิดปกติทางกล้ามเนื้อและระบบประสาท เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส (Amyotrophic Lateral Sclerosis: ALS) ไม่ควรฉีด โบท็อกซ์ เพราะอาจทำให้อาการแย่ของโรคลง

     

  • หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร แม้จะยังไม่มีรายงานเรื่องอันตราย แต่ก็ไม่มีข้อมูลเพียงพอรับรองว่าปลอดภัยเช่นกัน อีกทั้งในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรจะหลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจส่งผลต่อร่างกายไม่ว่าจะบริเวณไหนก็ตามให้มากที่สุด ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรจึงควรหลีกเลี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ไปก่อน 
รีวิวฉีดโบท๊อกซ์ลดกราม
รีวิวฉีดโบท๊อกซ์ลดกราม by charmer clinic

 

รีวิวbotox ลดกราม
รีวิวลูกค้าฉีด botox ลดกราม by charmer clinic

 

รีวิวฉีด botox ลดริ้วรอย
รีวิวฉีด botox ลดริ้วรอย ที่ charmer clinic
charmer clinic รางวัลโบท๊อกซ์ ร้อยไหม
charmer clinic รางวัลโบท๊อกซ์ ร้อยไหมยกกระชับผิว

 

Charmerclinic
🔷 คลิกอ่านบทความ ข้อดี ข้อเสีย botox
 🔷 คลิกอ่านบทความร้อยไหมกับโบท๊อกซ์อันไหนดีกว่ากัน
 🔷 คลิกอ่านบทความ โบท๊อกซ์กับฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
🔷 คลิกอ่านบทความ 10 คำถามสุดฮิตเกี่ยวกับ botox 
🔷 คลิกดู โปรโมชั่นโบท๊อกซ์ 
ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
Share this

“ความสวยของคุณ คือเป้าหมายของเรา”

จองคิวที่ call center 085-9192768

สาขารัชดา โทร 094-5598748
สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
สาขาเพชรเกษม 69 โทร 095-058-3666
สาขารังสิต โทร 094-696-5322
สาขาอโศก-สุขุมวิท โทร 093-241-4969
สาขาพรอมานาด โทร 098-154-4454
สาขาเมเจอร์ปิ่นเกล้า โทร 083-978-0666
สาขาราชพฤกษ์ โทร 096-016-1666 

ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นที่ข้อสงสัยได้ที่ด้านล่างนี้

บทความที่น่าสนใจ

การฉีดโบท็อกซ์ ปรับรูปหน้านั้นคือ การใช้โบท๊อกซ์เพื่อไปคลายกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นไม่ทำงานในบางส่วนชั่วคราว ทำให้กรามที่เราใช้เคี้ยวอาหารดูเล็กลง แต่ไม่ใช่การทำถาวรจะอยู่ได้ 4-6 เดือนแล้วต้องกลับไปฉีดโบท๊อกซ์ใหม่ โดยปกติแล้วในการฉีดเพื่อลดกรามนั้นจะใช้โบท๊อกซ์ประมาณ 50-100ยูนิตแล้วแต่ขนาดของกล้ามเนื้อกรามแต่ละคน ในการฉีดโบท๊อกซ์ลดกรามนั้นใช้เวลาไม่นานเพียง 10-15นาที โดยแพทย์จะให้คนไข้กัดกรามแล้วปล่อยเพื่อมาร์คจุดฉีด โดยจะฉีดประมาณ 3-5 จุดซึ่งตอนเด็นยาอาจจะมีรู้สึกตึงๆบ้างแต่ไม่เจ็บมาก เพราะใช้เข็มที่เล็กมาก หลังจากฉีดเสร็จแล้วก็สามารถทำงานได้ปกติและปฎิบัติการดูแลตัวเองหลังทำโบท๊อกซ์ตามที่แพทย์สั่ง แค่นี้ก็แค่รอการเห็นผล 14-30 วันให้ยาออกฤทธิ์เต็มที่