ไม่มีความเห็น

FAT TRANSFER VS FILLER ฉีดไขมัน หรือ ฟิลเลอร์ แบบไหนดีกว่ากัน?

ฉีดไขมัน กับ filler อันไหนดีกว่ากัน by Charmer Clinic

Table of Contents

FAT TRANSFER VS FILLER ฉีดไขมัน หรือ ฟิลเลอร์ แบบไหนดีกว่ากัน?

         สำหรับสาวๆที่กำลังมองหาตัวช่วยเพื่อเติมเต็มใบหน้าของเราให้ดูอิ่ม เข้ารูป หรือสาวๆคนไหนที่กำลังมีปัญหาแก้มตอบ ขมับตอบ คางสั้น ใต้ตาลึก ริมฝีปากบางก็ตาม 

วันนี้เรามีบทความที่เกี่ยวกับการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) หรือ การเติมฟิลเลอร์(FILLER)แบบไหนดีกว่ากันและแบบไหนที่เหมาะสมกับปัญหาของสาวๆแต่ละท่านมาฝากค่ะรับรองว่าพอได้อ่านจนจบบทความนี้แล้วจะเข้าใจมากขึ้นและเลือกตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกทำอะไร

ระหว่าง ฉีดไขมัน(FATTRANSFER)และเติมฟิลเลอร์(FILLER) ถ้าพร้อมแล้ว ก็เริ่มกันเลยค่ะ
  1. ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และ เติมฟิลเลอร์ (FILLER) คืออะไร?

1.1    ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER)
การฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) หรืออีกชื่อ FAT GRAFING คือการเติมผิวด้วยไขมันของร่างกายเราเองเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ไขมันเทคนิคใหม่โดยดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณไขมันดีของร่างกายนำมาคัดแยกเฉพาะเซลล์ไขมันที่ดีที่สุดแล้วฉีดกลับเข้าไปเติมเต็มผิวที่เกิดปัญหาโดยจะฉีดไขมันสู่ผิวในปริมาณที่พอดีฉีดเติมเต็มไปยังชั้นไขมันให้กระจายเติมเต็มพื้นที่ที่ต้องการ
โดยการฉีดไขมัน(FATTRANSFER)นั้นเราจะเลือกไขมันดีจากส่วนต่างๆ ของร่างกายอาทิเช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เป็นต้น และจะฉีดเข้าไปในส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เราต้องการจะเติมเต็ม โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนได้แก่ การฉีดไขมันบนใบหน้า (เติมเต็มรอยเหี่ยวย่นบริเวณ หน้าผาก ร่องแก้ม หนังตาล่าง ขมับ ฯลฯ) และ การฉีดไขมันเพิ่มสัดส่วน (เติมเต็มสัดส่วนเช่นบริเวณ หน้าอก สะโพก)
 1.2    เติมฟิลเลอร์ (FILLER)
  • การเติมฟิลเลอร์ (FILLER) คือ การฉีดสารเติมเต็มผิวที่มีชื่อว่า Hyaluronic Acid (HA) เพื่อช่วยเสริมและเติมเต็มในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง โดยเจ้าสาร HA จะช่วยกักเก็บน้ำชั้นใต้ผิว เพื่อเติมเต็มช่องว่างให้กับเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ทำให้จุดที่เราฉีดเข้าไปนั้น เต่งตึง เรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย ฟิลเลอร์ (FILLER) จะช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ส่งผลให้หน้าดูอิ่มเอิบ และอ่อนกว่าวัย สุดท้ายแล้วฟิลเลอร์ (FILLER) จะสลายไปเองตามธรรมชาติ
วิธีการฉีดไขมันและฉีดfiller
วิธีการฉีดไขมันและฉีดfiller
 2. วิธีการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และการเติมฟิลเลอร์ (FILLER)
  • ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) แพทย์จะพิจารณาบริเวณที่มีไขมันดีที่สุดของร่างกาย จากนั้นจะฉีดยาชาบริเวณที่จะดูดไขมันออก แล้วทำการเปิดแผลขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร เพื่อใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์สอดเข้าไปเพื่อดูดไขมันออก แล้วจะนำไขมันที่ดูดได้นั้นเข้ากระบวนการคัดกรองให้เหลือแต่ไขมันดีที่มีคุณภาพเท่านั้น เสร็จแล้วจะนำไขมันที่ได้ ฉีดเข้าไปเติมเต็มในชั้นไขมันบริเวณที่ต้องการแก้ไขในปริมาณที่พอดี เพื่อปลูกถ่ายเซลล์ไขมันให้มีชีวิตอยู่รอดสูงสุด โดยการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) สามารถแบ่งเก็บไขมันเอาไว้เติมครั้งต่อไปได้อีกด้วย
  •  เติมฟิลเลอร์ (FILLER) แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาทีในการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ (FILLER) ในขณะที่ฉีดฟิลเลอร์(FILLER)เข้าไปยังบริเวณที่ต้องการแก้ไขปัญหาจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หลังจากฉีดเสร็จแล้วไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้นใดๆ ฟิลเลอร์ (FILLER) จะค่อยๆเซ็ตตัว จากนั้นก็จะสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ อาจจะมีแค่รอยแดงที่เข็มเล็กน้อย 
 3. ระยะเวลาการพักฟื้นระหว่าง ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และ การเติมฟิลเลอร์ (FILLER)
  • ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) เนื่องจากการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) จะต้องมีการดูดไขมันออกมาด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วระยะเวลาการพักฟื้นจะอยู่ที่ประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดไขมัน บริเวณที่ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และสุขภาพของแต่ละท่านด้วย
โดยวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) นั้น ใน 24 ชั่วโมงแรกให้งดการนวดหน้า ทาครีม หรือทาโลชั่น และ 48 – 72 ชั่วโมงแรกให้ประคบเย็นด้วยเจลประคบเพื่อลดบวม ให้นอนศรีษะสูงใน 3 วันแรก และพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยนอนวันละ 8 ชั่วโมง เลี่ยงอาหารรสจัด ของหมักของดอง หรือของร้อน งดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ ทานยาตามแพทย์สั่ง และกลับมาตัดไหมตามเวลาที่แพทย์นัด
  • เติมฟิลเลอร์ (FILLER) โดยปกติแล้วจะใช้เวลาพักฟื้นเพื่อให้ฟิลเลอร์ (FILLER) เซ็ตตัวประมาณ 2 อาทิตย์ โดยในช่วง 2 วันแรกไม่นวดหน้าบริเวณที่ฉีดหรือออกกำลังกายหนัก ๆ ไม่ควรจับ ลูบ คลำ บริเวณที่เติมฟิลเลอร์(FILLER)ไป ควรดื่มน้ำมาก ๆ งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออก เช่นแอสไพริน วิตามินอี หรือแป๊ะก๊วย หลีกเลี่ยงการใช้สารที่มีส่วนผสมของ Retinoid, AHA, BHA 2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือการใช้ความร้อนบริเวณที่เติมฟิลเลอร์(FILLER) เช่น เลเซอร์ อบซาวน่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก งดการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ

 4. ผลข้างเคียงของการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และ เติมฟิลเลอร์ (FILLER)

  • ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) มีผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การอักเสษติดเชื้อ และผลข้างเคียงอาจเกิดจากการบวม และแผลจากการดูดไขมัน ไม่ต้องเป็นกังวลเลยค่ะ มันจะหายไปเองตามธรรมชาติ อาจจะพบการบวมช้ำประมาณ 5 – 7 วัน ในบริเวณที่ฉีดไขมัน และรอยช้ำบริเวณจุดที่ดูดไขมันประมาณ 7 – 14 วัน และกว่าจะเข้าที่อาจจะใช้เวลาเป็นเดือน 
  • เติมฟิลเลอร์ (FILLER) ในช่วงแรกอาจมีอาการบวมและฟกช้ำบริเวณเข็มได้บ้างเล็กน้อยประมาณ 1 – 2 วันหรืออาจจะไม่มีเลย หากมีอาการเขียวให้ใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการและบรรเทา โดยอาการอาจดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือ 2 – 3 วัน แล้วอาการเหล่านี้ก็จะดีขึ้นและหายไปเองตามธรรมชาติ
 5.ข้อดีข้อเสียของการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และ เติมฟิลเลอร์ (FILLER)
  • ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER)
ข้อดีของการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER)
ข้อเสียของการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER)
ปลอดภัย ไม่ใช่สารเคมี
คนที่ผอมหรือมีไขมันไม่มาก จะไม่สามารถทำได้
ไม่เจ็บตัวมาก ไม่มีแผลเป็น
มีโอกาสที่ไขมันบางส่วนจะสลายตัวได้เอง
ช่วยเติมเต็มชั้นใต้ผิวหนัง
ต้องมาฉีดซ้ำ 2 – 3 ครั้ง จนกว่าจะเติมเต็มไขมันบนใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์
ปรับรูปหน้าให้เต่งตึง อวบอิ่ม ดูอ่อนกว่าวัย
ถ้าฉีดไขมันไปสัก เนื้อบริเวณนั้นจะเริ่มหย่อนลง
ลดการเกิดฝ้า แผลเป็นจากหลุมสิว ลดการอักเสบ
หากแพทย์ไม่ชำนาญ ฉีดเข้าเส้นเลือด
เป็นอันตรายได้
5.2    เติมฟิลเลอร์ (FILLER)
ข้อดีของการเติมฟิลเลอร์ (FILLER)
ข้อเสียของการเติมฟิลเลอร์ (FILLER)
ช่วยชะลอวัย
ราคาแพง
ปลอดภัย ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
อยู่ไม่ถาวร
ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น
ไม่เหมาะกับบางตำแหน่ง เช่น หน้าอก สะโพก
เติมได้เรื่อย ๆ ปรับแต่งได้
ถ้าแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดผลข้างเคียงได้
ได้ผลแม่นยำ เป็นธรรมชาติ
ถ้าฟิลเลอร์เป็นแบบถาวร ไม่สามารถสลายได้ จะเกิดความเสี่ยง อาจเกิดพังผืด
เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา คาง ร่องแก้ม
ถ้าฟิลเลอร์ (FILLER) ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้ติดเชื้อและเกิดความเสี่ยงบริเวณที่ฉีดได้
ฉีดไขมันและเติมฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน.
ฉีดไขมันและเติมฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน.

6. ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และเติมฟิลเลอร์ (FILLER) อยู่ได้นานแค่ไหน?

  • ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) เมื่อฉีดเข้าไปแล้วไขมันจะค่อยๆ สลายไปเอง 30 – 40 % ส่วนอีก 60 – 70% จะอยู่ตลอดไปค่ะ จะลดหรือว่าหายไป ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของร่างกาย แต่ทั้งนี้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เพื่อย้ำและให้ผลลัพธ์อยู่นานขึ้นค่ะ ที่สำคัญมาก ๆ คือต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การนอน การดื่ม การรับประทานอาหาร เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด
  •  เติมฟิลเลอร์ (FILLER) ฟิลเลอร์ (FILLER) ที่ได้มาตรฐานและเป็นของแท้จะสามารถอยู่ได้นาน 8 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับจุดที่เราเติมฟิลเลอร์ (FILLER) เข้าไปรวมถึงรุ่นยี่ห้อของฟิลเลอร์ และขึ้นอยู่กับการดูแลผิว อายุ และการใช้ชีวิต ดังนั้นหลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่กับเราคงทนและนานที่สุด

7. สรุป ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) หรือเติมฟิลเลอร์ (FILLER) แบบไหนดีกว่ากัน ?

    ถือว่าเป็นคำถามที่ยากมาก ๆ เนื่องจากว่าแต่ละคนมีปัญหาใบหน้าและร่างกายที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีคำแนะนำของแพทย์ที่หลากหลายความคิดเห็น แต่ว่าตอนนี้สาว ๆ ก็ได้รู้แล้วว่า ข้อดี ข้อเสีย ของฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และเติมฟิลเลอร์ (FILLER) คืออะไร

สาว ๆ สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการพิจารณาดูว่า ตัวเราเหมาะสมกับการทำหัตถการไหนมากที่สุด หากสาวๆ อยากได้ผลลัพธ์ที่เป๊ะๆ ตามที่ตัวเองคิดหรือวางแผนเอาไว้ ต้องเป็นรูปทรงแบบนี้ และไม่อยากโดนดูดไขมัน ก็แนะนำว่าให้ลองเติมฟิลเลอร์(FILLER)ดูค่ะ

แต่ถ้าสาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาไขมันสัดส่วนเกิน อยากดูดไขมันกระชับสัดส่วนและเติมเต็มใบหน้าของไปด้วย การฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) ก็จัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะคะ

แล้วถ้าหากว่า ใครอยากจะทำความเข้าใจมากกว่านี้ หรืออยากที่จะปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจว่าตัวเราควรทำหัตถการไหน สามารถแวะเข้ามาหาคุณหมอที่ชาเมอร์คลินิกได้เลยนะคะ เพียงโทรนัดหมายที่เบอร์ 085 – 919 – 2768 ได้ตลอดเลยค่ะ เรายินดีให้บริการสาว ๆ ทุกท่าน และขอให้มั่นใจได้เลยนะคะว่า ชาเมอร์คลินิกเราเป็นคลินิกที่มีมาตรฐาน ตัวยาของเราผ่าน อ.ย. ทุกตัว และเราเปิดให้บริการมากว่า 7 ปี ได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากลูกค้าหลาย ๆ ท่าน รับรองได้เลยค่ะว่า แวะมาทำที่นี่ ต้องถูกใจมาก ๆ และปลอดภัยมาก ๆ แน่นอนค่ะ แล้วพบกันนะคะ ^^

Charmerclinic

 

ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
Share this

“ความสวยของคุณ คือเป้าหมายของเรา”

จองคิวที่ call center 085-9192768

สาขารัชดา โทร 094-5598748
สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
สาขาเพชรเกษม 69 โทร 095-058-3666
สาขารังสิต โทร 094-696-5322
สาขาอโศก-สุขุมวิท โทร 093-241-4969
สาขา วัชรพล โทร 098-154-4454
สาขาเมเจอร์ปิ่นเกล้า โทร 083-978-0666
สาขาชัยพฤกษ์ โทร 096-016-1666 

ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นที่ข้อสงสัยได้ที่ด้านล่างนี้

บทความที่น่าสนใจ