ไม่มีความเห็น

ข้อดี ข้อเสีย Botox และข้อควรระวัง

ข้อดี ข้อเสีย Botox และข้อควรระวัง check ก่อนฉีด

จนถึงทุกวันนี้ คงจะมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก Botox แต่หลายคนคงจะยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว โบท็อกซ์ (Botox) ที่เราเรียก ๆ กันจนติดปากนั้น เป็นเพียงชื่อทางการค้าของบริษัทยาสัญชาติอเมริกาอย่าง Allergan แต่ชื่อเต็ม ๆ ของ Botox คือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A)

ซึ่งนำมาใช้ในการเสริมความงาม มีที่มาจากสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ซึ่งมีผลออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (neurotoxin)
โดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว  ในอดีตนั้นวงการแพทย์นำมาใช้ในการรักษาโรคตาเหล่ ตาเข จนมาวงการเสริมความงาม นั่นก็คือช่วยให้ริ้วรอยต่าง ๆ ลดลงและกระชับผิวให้ดีขึ้น 
การฉีด โบท๊อค charmer clinic
การฉีด โบท๊อค charmer clinic โดยแพทย์

โบท็อกซ์(Botox) ทำงานอย่างไร ?

เมื่อแพทย์ทำการฉีด Botox ไปในส่วนที่ต้องการรักษาแล้ว Botox ก็จะเข้าไปจับที่ปลายประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทมาที่กล้ามเนื้อได้
หรือกล่าวได้ว่าเป็นการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นอัมพาตชั่วคราว จึงทำให้มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ โดยสามารถเห็นผลลัพธ์หลังการฉีดได้ภายใน 2 – 3 วัน สำหรับรอยตื้น ๆ และรอยลึกจะเห็นผลประมาณ 7 – 14 วัน หลังการฉีดจะได้ผลอยู่ 6 – 8 เดือน
การฉีด โบท๊อคลดริ้วรอยและกราม
การฉีด โบท๊อคลดริ้วรอยและกราม มีข้อดี ข้อเสีย

โบท็อกซ์(Botox) เหมาะกับใคร และใช้ได้กับส่วนไหนบ้าง

การฉีด Botox จะช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ที่หน้าผาก รอยตีนกา ริ้วรอยรอบดวงตา ปาก  ยกคิ้วขึ้นและตาดูโตขึ้น แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
เหมาะสำหรับใช้ปรับรูปหน้าให้ยกเรียว กระชับผิวหนัง รวมทั้งลดเหงื่อบริเวณรักแร้ได้อีกด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้เป็นเวลานาน ๆ จะส่งผลให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ค่อยแสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน หลายคนก็เลยกังวลว่าแล้วถ้าฉีดโบท๊อค (botox)ไปแล้วหน้าจะแข็งหรือไม่ธรรมชาติหรือไม่ แล้วมีข้อเสียหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ค่ะ

โบท็อกซ์(Botox) มีข้อดีอย่างไร

  • การเห็นผลรวดเร็วโดยประมาณไม่เกิน 1 เดือน
  • ราคาไม่สูงมาก เนื่องจากปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ (คลิกอ่าน 7 ยี่ห้อโบท๊อกซ์ผ่านอยไทย ที่ https://bit.ly/2t5pynV
  • ไม่ต้องพักฟื้นหรือพักหน้าสามารถไปทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
  • ปลอดภัยเนื่องจากสารโบท๊อกซ์นั้นมีการใช้และมีงานวิจัยออกมามากมาย เกี่ยวกับการใช้ทั้งในความสวยงามหรือการรักษาโรคผลข้างเคียงน้อย
โบท็อกซ์ (Botox) มีข้อเสียและผลข้างเคียง อย่างไร
  • อาจมีผลข้างเคียงอย่าง เช่น หางตาตก ในบางรายพบว่ามีอาการปวดศีรษะหรือปวดในบริเวณที่ฉีด แต่ก็จะหายไปเองในเวลาที่ไม่นาน
  • บางรายเคี้ยวอาหารได้ยากขึ้นโดยเฉพาะอาหารที่แข็งและเหนียว เพราะการขยับกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดมีความหนืดมากขึ้น บางรายก็มีอาการข้อต่อของขากรรไกรมีความแข็งแรงไม่เท่าเดิมอีกด้วย
  • หน้าดูไม่ธรรมชาติ หรือดูแข็งแสดงสีหน้าไม่ค่อยได้ หากฉีดจำนวนเยอะเกินไป
  • อยู่ได้ไม่ถาวร เนื่องจากโบท๊อกซ์นั้นในการฉีด 1 ครั้งจะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือนก็ต้องกลับมาฉีดใหม่
การปฎิบัติตัวหลังทำโบท๊อค
การปฎิบัติตัวหลังทำโบท๊อค ข้อห้ามข้อควรระวัง
Botox มีข้อควรระวังการปฎิบัติตัวหลังทำอย่างไร
– หลังการฉีดโบท๊อกซ์(Botox) ห้ามนอนราบภายใน 3 ชั่วโมง และอย่าบีบนวดในบริเวณที่ฉีด เพราะจะทำให้ Botox กระจายไหลไปตามจุดต่างๆ ที่ไม่ได้ฉีดได้ ซึ่งจะส่งผลให้มีอาการไม่พึงประสงค์อย่างเช่นหน้าผากตึงหรือหางคิ้วชี้ขึ้นมากไป เป็นต้น
โบท๊อกซ์(Botox) จะผลข้างเคียงน้อยมาก หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในขนาดและปริมาณที่เหมาะสม และเว้นระยะการฉีดไม่เร็วไปกว่า 3-4 เดือน
– หลังการฉีดโบท๊อกซ์(Botox) ควรบริหารกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่งประมาณ  30 นาที
– ภายในระยะ 2 สัปดาห์แรกในบริเวณที่ฉีดไม่ควรโดนความร้อน เช่นการทำ laser ซาวน่า อบตัวต่างๆ
ก็หวังว่าบทความนี้ น่าจะพอให้ความกระจ่างในความสงสัยของหลายคนต่อ โบท๊อกซ์ (Botox) และอย่าลืมเช็ค ยาก่อนฉีดและเลือกรับบริการดดยแพทย์เท่านั้นนะคะ หากสนใจรับคำปรึกษาเพิ่มเติ่มติดต่อได้ที่ Chamer clinic ทุกสาขาเลยนะ

 

รีวิวฉีดโบท๊อกซ์ (botox)
รีวิวโบท๊อคริ้วรอย
รีวิวโบท๊อคริ้วรอยที่ charmer clinic หลังทำ 1 สัปดาห์
รีวิวลดกรามด้วยโบท๊อค
รีวิวลดกรามด้วยโบท๊อคที่ charmer clinic
รีวิวฉีด botox ลดกราม
รีวิวฉีด botox ลดกรามที่ charmer clinic

Charmerclinic

 

คลิกอ่าน รีวิวลูกค้าลดริ้วรอยด้วยโบท๊อกซ์ pantip 
คลิกอ่านบทความ  7 ยี่ห้อโบท๊อกซ์ผ่านอยไทย 
คลิกอ่านบทความ โบท๊อกซ์และฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
คลิกอ่านบทความ อยากยกกระชับหน้า ร้อยไหมหรือ โบท๊อกซ์ดีกว่ากัน
คลิกอ่านบทความ HIFU 6 ข้อควรรู้ check ก่อนทำ
คลิกอ่านบทความ LLD FAT แตกต่างจาก FAT BOMB อย่างไร
ฝากกดติตตามความงามสาระดีๆ
กดติดตามเพจ FB https://www.facebook.com/charmerclinic2you/
กดติดตาม Tiktok https://www.tiktok.com/@charmerclinic
กดติตตามช่อง Youtube https://bit.ly/2PZiVeR
กดติดตาม IG https://bit.ly/2PYXTwY
กดติดตาม Twitter https://twitter.com/CharmerClinic
กดอ่านบทความดีๆอัพเดท https://charmerclinic2you.com/
Click to rate this post!
[Total: 2 Average: 3]

แท็ค

#ปรับรูปหน้า botox botoxลดกราม Diode laser filler filler ใต้ตา hifu made collagen mesofat meso หน้าใส การฉีดฟิลเลอร์ กำจัดขน ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ข้อดีร้อยไหม ฉีดfiller ฉีดผิวขาว ฉีดผิวขาวที่ไหนดี ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) กินเหล้าได้ไหม ฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) ต้องฉีดบ่อยแค่ไหน ฉีดเมโสแฟต (Meso Fat) เจ็บไหม ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์ใต้ตา ฟื้นฟูผิว มาเด้คอลลาเจน รีจูรันกับเมโสกันแตกต่างกันยังไง รีวิวฟิลเลอร์ รีวิวร้อยไหม ร้อยไหม ร้อยไหมpdo ร้อยไหมก้างปลา ร้อยไหมเงี่ยง ศัลยกรรม หน้าใส เมโส เมโสหน้าใส เมโสแฟต เรสทิเลนฟิลเลอร์ เลเซอร์ เสริมจมูก โบท๊อก โบท๊อกซ์คืออะไร ไฮฟู
Share this

“ความสวยของคุณ คือเป้าหมายของเรา”

จองคิวที่ call center 085-9192768

สาขารัชดา โทร 094-5598748
สาขาอุดมสุข(บางนา) โทร 095-521-0666
สาขาเพชรเกษม 81 โทร 095-058-3666
สาขารังสิต โทร 094-696-5322
สาขาสุขุมวิท 39 โทร 093-241-4969
สาขา วัชรพล โทร 098-154-4454
สาขาเมเจอร์ปิ่นเกล้า โทร 083-978-0666
สาขาชัยพฤกษ์ โทร 096-016-1666 

ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นที่ข้อสงสัยได้ที่ด้านล่างนี้

บทความที่น่าสนใจ